โปรโมทเว็บด้วยการทำ SEO และ SEM

ทุกวันนี้ผู้ประกอบธุรกิจสนใจทำเว็บไซต์กันมาก แต่เว็บไซต์ของกลุ่มสตาร์ทอัพยังคงเงียบเหงา อยากจะซื้อโฆษณาก็ติดขัดเรื่องต้นทุนสูงเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ เห็นใครๆ คุยกันเรื่องการทำSEOเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาในหน้าแรกๆ ของกูเกิ้ล พอเข้ามาศึกษาหาความรู้แล้วสะดุดกับคำว่า SEM เข้าอีก เริ่มสับสนว่าอะไรเป็นอะไร ต้องการคำแนะนำที่เข้าใจง่ายๆ ว่ามีวิธีอะไรที่นักธุรกิจมือใหม่ควรทำเพื่อช่วยโปรโมทเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มยอดขายเพื่อขยายฐานลูกค้าให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ

การโปรโมทในลักษณะการทำSEO จะเป็นการไต่ลำดับในกูเกิ้ลแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากดึงดูดผู้ชมเข้ามาจำนวนมากขึ้น รอเวลาให้ผู้บริโภคพิจารณาและตัดสินใจเลือกซื้อ ยิ่งมีคนเข้ามาเห็นมากเท่าไร ยิ่งมีโอกาสเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น ในส่วนของวิธีการนั้น มาเริ่มทำความรู้จักSEOกันก่อน ย่อมาจากคำว่า “Search Engine Optimization” หมายถึงวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาในเสิร์จเอนจิ้น ในทีนี้จะใช้ Google เป็นหลักเพราะถือเป็นแหล่งค้นหายอดนิยมทั่วโลก แต่ความจริงยังมีเสิร์จเอนจิ้นจำนวนมากที่ใช้ค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ อย่างเช่น Yahoo, Bing, Ask เป็นเสิร์จเอนจิ้นที่ใช้กันแพร่หลายในสหรัฐ Baidu ของจีน Yandex ของรัสเซียหรือ Nave ของเกาหลี เหตุผลที่อ้างอิงกูเกิ้ลเพราะในบ้านเราใช้กันเป็นตัวหลักในการค้นหา

หัวใจสำคัญของ คีย์เวิร์ด

หัวใจสำคัญคือการใช้คีย์เวิร์ด ซึ่งเป็นคำค้นหาของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ในกรณีที่ร้านเราขายคอมพิวเตอร์ เมื่อมีคนค้นหาคำว่า “คอมพิวเตอร์” จะพบเว็บไซต์ของร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เต็มไปหมด เราจะต้องเพิ่มคีย์เวิร์ดให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น เช่น “คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ” “คอมพิวเตอร์ มือสอง” “คอมพิวเตอร์ ราคาถูก” จะทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับสูงตรงกับคำค้นหาของลูกค้า คำคีย์เวิร์ดเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ในคอนเทนต์หรือบทความที่เราเขียนลงในเว็บไซต์ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ ทำให้รู้สึกว่าน่าอ่านและเรียกคนเข้ามาติดตามอย่างต่อเนื่อง สรุปคร่าวๆ ว่า SEO เป็นช่องทางเรียกลูกค้าเข้าร้านแบบสร้างกระแส โดยหากอยากให้ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจ ตัวสินค้าเองจะต้องมีคุณภาพดีจึงจะจูงใจให้กลับเข้ามาซ้ำอีก

SEO มากกว่าที่คุณคิด

มาถึง SEM มาจากคำว่า “Search Engine Marketing” เป็นการจ่ายค่าโฆษณาโดยคำนวณจากจำนวนคนที่คลิกเข้ามาในเว็บไซต์ โดยค่าโฆษณาขึ้นอยู่กับ คีย์เวิร์ด ถ้าหากเป็นคำที่ใช้กันทั่วไปอย่าง “คอมพิวเตอร์” ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าคำว่า “คอมพิวเตอร์ มือสอง” เพราะการแสดงผลจากจำกัดวงแคบเข้า ทำให้ได้ลูกค้าตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด การทำ SEM มีค่าใช้จ่ายเป็นรายคลิก ส่วนการทำ SEO ถ้าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่จ้างทีมงานเข้ามาทำการตลาดเพื่อเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ เปรียบเทียบเรื่องที่ต้องจ่ายเงินทั้งคู่แล้ว การทำ SEM จะคุ้มค่ากว่าเพราะมีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมาย หรือถ้าเป็นไปได้ ทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไป จะช่วยเพิ่มทั้งยอดผู้ใช้เว็บไซต์และโอกาสในการขายสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น

“Keyword” หัวใจหลักในการทำเงินจากเว็บไซต์

เราจะรู้จักการคัดเลือก Keyword ที่ดีก็ต่อเมื่อ เรามีความเข้าใจในเรื่องของ SEO ดังนั้น ผู้ที่เพึ่งริเริ่มการหัดทำเว็บไซต์ให้มีอันดับในหน้าแรกของผลการค้นหา จึงควรศึกษาเรื่องของพื้นฐาน SEO ทั้งหมดโดยรวมอย่างเข้าใจ หากเราเข้าใจแล้วเราจึงจะมาเลือกคีย์เวิร์ดและเริ่มทำไปด้วยกัน สาเหตุที่ต้องทำความเข้าใจกับ SEO ก่อนนั้น เราจะได้รู้จักการวิเคราะห์ว่าในคีย์เวิร์ดไหนมีการแข่งขันสูง ในคีย์ไหนที่มีการแข่งขันต่ำ เราสามารถเอาชนะในเรื่องของออนเพจและออฟเพจคู่แข่งไปได้หรือไม่

ปัจจุบัน เราสามารถดูสถิติปริมาณค้นหาได้จาก Google Adword เป็นหลัก แต่การจะเลือกเฉพาะคำค้นหาที่มีปริมาณค้นหาสูงอย่างเดียวมันคงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ยิ่งปริมาณค้นหาสูงส่วนมากการแข่งขันก็จะสูง และหากเราไม่มีทุน ไม่มีแรง ไม่มีกำลังมากพอที่จะมานั่งแข่งขันกับเว็บใหญ่ระดับนั้น การที่เราไปนั่งเล่นคีย์แข่งขันสูงคงดูจะไม่คุ้มทุนสักเท่าไหร่ เราอาจจะต้องเลือก Nich Keyword ที่สามารถทำเงินได้แต่การแข่งขันต่ำแทน

คีย์เวิร์ดรอง แหล่งทำเงินของนักทำ SEO

seo

นิชคีย์เหล่านี้จะมีอยู่เป็นจำนวนมาก และเราสามารถทำได้หลายคีย์ภายในเว็บเดียวกัน นั่นหมายความว่าหนึ่งเว็บไซต์ ยิ่งทำนิชคีย์เยอะมากเท่าไหร่ โอกาสทำเงินของเราก็จะมากยิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องไปเหนื่อยเกินกำลังเหมือนกับการแข่งขันในคำค้นหาที่มีการแข่งขันสูงเลยนั่นเอง แต่ในทางกลับกัน เพชรเม็ดงามยังมีอยู่เสมอ บางครั้งเมื่อเราฝึกการหา Keyword และการวิเคราะห์คู่แข่งอย่างชำนาญแล้ว เราอาจจะเจอคำที่มีปริมาณค้นหาเยอะแต่การแข่งขันต่ำมากก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน นี่เป็นเรื่องจริง

ทุกวันนี้คนที่มีรายได้หลาย 1,000,000 ต่อเดือนจากการทำ SEO เค้าเหล่านี้มักจะสามารถทำอันดับเว็บไซต์ของตัวเองให้ติดอยู่ในอันดับแรกของผลการค้นหา ในปริมาณที่มีคู่แข่งต่ำแต่ แต่มีปริมาณค้นหาต่อเดือนสูง การทำแบบนี้เราไม่ต้องใช้คนเยอะ ไม่ต้องใช้กำลังเยอะ ดีไม่ดีทำคนเดียวก็ยังทำไหว แถมทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ต่างจากการแข่งขันในคำมีคู่แข่งสูง ค้นหาสูง มันต้องใช้ทั้งทุนและกำลังเข้ามาช่วย ทำให้ท้ายที่สุดก็ต้องวัดกันว่าจะขาดทุนหรือกำไร นี่คือหัวใจในการนำเว็บไซต์ โอกาสทำเงินได้ย่อมมีสูงขึ้น

Tags “H” สำคัญมากนะบอกให้

โดยทั่วไปแล้วในหนังสือแต่ละเล่มที่มีบทความให้เราได้อ่านข้อมูลต่างๆนั้น ส่วนมากนอกจากจะมีหัวข้อเรื่อง ก็จะมีหัวข้อรองต่างๆปนอยู่ในบทความด้วย ยิ่งบทความยาวมากเท่าไหร่ จำนวนหัวข้อย่อยๆก็จะมีเยอะมากเท่านั้น มันเป็นการจัดลำดับความสำคัญของส่วนเนื้อหาให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจได้อย่างลงตัว หากว่าเนื้อหามีความยาวค่อนข้างเยอะ สมมุติว่ายาวเต็มหนึ่งหน้ากระดาษ A4 หากว่าไม่มีหัวข้อย่อยเลย มีแต่หัวข้อหลัก และในบทความนั้นมีเรื่องราวหลากหลายปนกันอยู่ในบทความเดียวกัน เชื่อได้ว่าผู้อ่านส่วนใหญ่ก็อาจจะเกิดความสับสนแถมเวลาจะกลับมาอ่านย้ำอีกทีก็จะไล่ไม่ค่อยถูกนัก

หัวข้อย่อยๆจึงมีส่วนสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดว่า หากผู้อ่านต้องการจะกลับมาอ่านย้อนหลังในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในส่วนใดส่วนหนึ่งของเนื้อหา ก็เพียงแค่จำหัวข้อย่อยของส่วนเนื้อหานั้นเอาไว้แล้วก็กลับมาอ่านซ้ำในจุดนั้น มันจะง่ายกว่าการที่จะต้องมาไล่สุ่มหาจุดที่เราต้องการอ่านซ้ำอีกครั้งจากตัวเนื้อหาโดยปราศจากหัวข้อย่อยๆนั่นเอง

บทความในเว็บไซต์ต้องมีหัวข้อด้วย

หัวข้อ

ในทางการทำเว็บไซต์นั้น หัวข้อย่อยๆเหล่านี้รวมไปถึงหัวข้อหลักก็มักจะถูกแทนที่ด้วย Tags H ซึ่งหากว่าบทความของเรานั้นไม่มี Tags H ปนอยู่เลย รับรองได้ว่าการทำ SEO จะทำยากมากกว่าเดิม ปัจจุบัน CMS WordPress ซึ่งเป็นที่ได้รับความนิยม จะมีการใส่ H1 ให้กับหัวข้อหลักเป็นที่เรียบร้อย นอกจากบาง Theme อาจจะย่อยเป็น H2 แทน H1 นอกจากนี้ ในตัวบทความ เจ้าของเว็ปที่จะลงเนื้อหานั้นก็สามารถใส่แท็ก H2 H3 H4 เพื่อเป็นหัวข้อย่อยๆต่างๆที่อยู่ในบทความได้

การมีหัวข้อย่อยๆเหล่านี้จะช่วยให้การทำ SEO ในหน้าเว็บเพจนั้นทำได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะมีตัวบ่งบอกเสิร์จเอนจิ้นว่าบทความของเรามีการแบ่งวรรคแบ่งส่วนกันอย่างชัดเจน ไม่ทำให้ผู้อ่านเกิดความสับสน ค่าคะแนนสกอร์ SEO Onpage ก็จะดีตามไปด้วย นี่คือหลักการ OnPage จำไว้ว่า Tags H มีความสำคัญเกี่ยวกับการทำ SEO Onpage เป็นอย่างมาก แต่ละบทความควรจะมี Tags H อย่างน้อยหนึ่งอัน ถ้ากลัวว่าลืมใส่ ก็ใช้ WordPress มาเป็นตัวช่วยสร้างเว็บดูสิ