เทคนิคพัฒนา SEO ที่ทำให้ Google ชอบเว็บของคุณ

การพัฒนา SEO อย่างมีประสิทธิภาพต้องคำนึงถึงคุณภาพของเนื้อหาและเคารพความต้องการของลูกค้าเป็นหลักอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม มีอีกตัวแปรหนึ่งที่สำคัญกับการทำ SEO เป็นอย่างมาก คือการทำ SEO ให้สอดคล้องกับความต้องการของ Google เพื่อให้เว็บมีคุณภาพสูงและสุดท้ายจะได้ปรากฏในผลการค้นหาเป็นลำดับต้น ๆ ในที่สุด หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วจะทำยังไงดีให้ Google ชื่นชอบเว็บธุรกิจที่เราต้องการโปรโมท วันนี้จึงมีเทคนิคที่ไม่ยากเกินไป ทำได้ในทุกเว็บไซต์มานำเสนอ

  1. ต้องมั่นใจว่าเว็บโหลดได้เร็ว

ความเร็วของเว็บไซต์มีผลต่อการวัดผลโดย Google เป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่มีผลต่อความประทับใจที่ผู้ใช้งานมีต่อเว็บไซต์ ดังนั้นต้องทำทุกวิถีทางให้หน้าเว็บโหลดได้เร็ว โดยสามารถทำได้หลายวิธีการ เช่น ใช้รูปภาพที่มีขนาดเหมาะสม ไม่ใหญ่เกินไป ใช้ Client Caching เพื่อให้บราวเซอร์ของผู้ใช้งานจดจำข้อมูลบางอย่างของหน้าเพจไว้ เมื่อเปิดใช้งานครั้งต่อไป จะได้ไม่ต้องโหลดใหม่ตั้งแต่ต้น 

  1. เปลี่ยนชื่อของรูปให้สอดคล้องกับคีย์เวิร์ด

อย่าใส่รูปที่ตั้งชื่อแบบไม่มีระบบเอาไว้ในเว็บไซต์โดยเด็ดขาด อย่าลืมเปลี่ยนชื่อ โดยใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการลงในไฟล์รูปภาพด้วย สิ่งนี้จะทำให้ Google เข้าใจว่าภาพนี้เกี่ยวกับอะไร และมีโอกาสที่จะขึ้นแนะนำภาพบนหน้าของการคนหา จึงเป็นผลดีต่อการทำ SEO โดยตรง

  1. แก้ไข URL ให้สามารถอ่านเข้าใจได้

URL นับว่าเป็นที่อยู่ของเว็บไซต์บนโลกออนไลน์ อย่าปล่อยให้ซอฟแวร์สร้าง URL อัตโนมัติเป็นอันขาด เพราะส่วนใหญ่มักจะสร้างเป็นรหัสตัวเลขที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้ Google จึงไม่ชอบ URL ที่มีลักษณะแบบนี้ ดังนั้นต้องเปลี่ยน URL ให้สอดคล้องกับเนื้อหา โดยทำให้สั้นและกระชับ เข้าใจง่าย เมื่อนำลิงค์ไปแปะที่ไหนจะได้ดูน่าเชื่อถือ และมีผู้ใช้สนใจกดเข้ามาอ่าน

  1. ใส่ Meta Description 

Meta Description เป็นข้อความส่วนที่อธิบายเนื้อหาเกี่ยวกับหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ โดยจะปรากฏอยู่ใต้หัวข้อในผลลัพธ์การค้นหาของ Google ซึ่ง Meta Description ที่ดีควรประกอบไปด้วยคีย์เวิร์ดของเนื้อหา และมีความยาวประมาณ 150 ตัวอักษร ต้องเขียนให้น่าดึงดูดใจ คนอ่านจะรู้สึกอยากกดเข้ามาดูเนื้อหาเต็มบนหน้าเพจ

  1. สร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ

การมี Backlink ที่ดีเหมือนเป็นการสร้างคอนเน็กชั่นที่มีประสิทธิภาพขึ้นมาบนโลกออนไลน์นั่นเอง ยิ่ง Backlink มีคุณภาพ จะยิ่งทำให้เพิ่มความน่าเชื่อถือ สร้างความน่าสนใจในระบบของ Google มากขึ้น เพราะ Google จะคิดว่ามีคนจำนวนมากกำลังพูดถึงเว็บไซต์ของเรา จึงทำให้ Google อยากดันอันดับขึ้นมาในผลการค้นหานั่นเอง

ทั้งหมดนี้คือแนวทางการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ถูกใจ Google ซึ่งจะยกระดับคุณภาพของเว็บได้อย่างสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตาม Google เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งทางออนไลน์ แน่นอนว่ามันสามารถสร้างผลลัพธ์ทางการค้นหาที่ดีขึ้นมาได้ แต่อย่าลืมว่าผู้ใช้งานต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินว่าหน้าเพจธุรกิจของเรามีคุณภาพหรือไม่ ดังนั้นนอกจากจะใส่ใจวิธีการทางเทคนิคให้ตรงกับมาตรฐานของ Google แล้ว ต้องหมั่นสร้างเนื้อหาที่ดีเพื่อดึงดูดการใช้งานของลูกค้าในระยะยาวด้วย

รวบมาหมด ประโยชน์ของ SEO สำหรับการสร้างธุรกิจออนไลน์

ใครที่อยากทำธุรกิจแบบออนไลน์ แต่ไม่อยากที่จะใช้งบประมาณในการทำการตลาดที่สูง การมองหาแนวทางที่เป็นออร์แกนิก แต่ช่วยในเรื่องของการทำการตลาดในอีกรูปแบบหนึ่งได้เช่นกันอย่างการทำ SEO จึงเป็นทางเลือกที่ไม่ควรพลาด ลองไปดูกันว่าประโยชน์ของ SEO บ้างแล้วทำไมจึงต้องทำ SEO ในยุคออนไลน์แบบนี้

ข้อดีของการทำ SEO เพื่อธุรกิจออนไลน์ 

  • ทำให้มีโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้มากขึ้น ถ้าหากว่าเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งทางการค้ามากมายก็สามารถที่จะมีโอกาสได้เปรียบคู่แข่งมากกว่าด้วยอันดับของเว็บไซต์ที่เอื้อต่อการเข้าไปกดคลิกชมหน้าเว็บไซต์ โดยผู้คนส่วนใหญ่แล้วก็จะมีการเลือกค้นหาหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการอยู่เพียงไม่กี่หน้าเท่านั้น ไม่ได้เลือกค้นหาไปหลายสิบหน้า ดังนั้นการทำ SEO จึงมีประโยชน์แบบสุด ๆ
  • มีความคุ้มค่ามากกว่าการนำเว็บไซต์ไปโฆษณาในหน้าเว็บต่าง ๆ โดยการทำ SEO ที่ประสบความสำเร็จ มีวิธีการทำอย่างถูกต้อง ก็จะเปรียบเสมือนการที่เว็บไซต์ได้รับการโปรโมทอยู่เสมอ ๆ ในหน้าแรก ๆ ของการค้นหาแบบที่ไม่ต้องซื้อพื้นที่ในหน้าการค้นหาเพื่อการโฆษณาเว็บไซต์ในทุก ๆ วัน เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วการทำ SEO จึงเป็นวิธีการที่ดีและคุ้มค่ามาก
  • ช่วยเสริมภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ให้โดดเด่นมากขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยที่ว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีการปรากฏอยู่ในหน้าการค้นหาหน้าแรก ๆ ก็มักจะมีผู้คนให้ความสนใจในจำนวนที่มากกว่า กลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มของผู้บริโภคที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการอยู่ก็จะเกิดความรู้สึกว่าเว็บไซต์ในอันดับต้น ๆ มีความน่าเชื่อถือ น่าจะมีข้อมูลที่ดีที่ตนเองได้กำลังตามหาอยู่จากการกดค้นหาจากคีย์เวิร์ดนั่นเอง 
  • ช่วยพัฒนาเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากการทำ SEO จะประกอบไปด้วยหลากหลายองค์ประกอบด้วยกัน ซึ่งเป็นโครงสร้างภายในเว็บไซต์ ที่จะมีการปรับปรุงให้เป็นประโยชน์กับผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ต้องการมาหาข้อมูลในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด มีการพัฒนาส่วนต่าง ๆ ทั้งเนื้อหา คีย์เวิร์ด และอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อให้สอดคล้องกับคำค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย จึงทำให้เว็บไซต์ที่ทำ SEO อย่างถูกต้องนั้นเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและเหมาะสำหรับผู้ชมเว็บไซต์จริง ๆ

จากข้อมูลข้างต้นจะพบว่าประโยชน์และข้อดีของการทำ SEO นั้นมีเยอะมาก บางอย่างเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจก็อาจมองไม่เห็น ทั้งช่วยส่งเสริมธุรกิจทางอ้อมและทางตรง ใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจ เจ้าของเว็บไซต์ที่มีความต้องการอยากวางรากฐานด้านออนไลน์ให้มีความมั่นคงมากขึ้นแล้วล่ะก็ SEO คือหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนธุรกิจและเว็บไซต์ของคุณให้ไปข้างหน้า

รวมกลเม็ดการทำ SEO ที่ถูกต้องเพื่อตอบโจทย์การเติบโตของเว็บไซต์

เมื่อพูดถึงวิธีการที่ดีสำหรับเว็บไซต์ เป็นวิธีการสำหรับการขยายตลาด เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างโอกาสในการขายและทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงวิธีการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization อย่างแน่นอน เนื่องด้วยเป็นวิธีการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้เว็บไซต์นั้น ๆ พัฒนาไปสู่การเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้าชม โดยจะมีวิธีอะไรที่เป็นกลเม็ดที่น่าสนใจบ้างนั้นตามไปดูกัน

  • ภายในเว็บไซต์จะต้องมีรูปแบบที่ส่วนงาม น่าสนใจดึงดูดผู้เข้าชม ไม่ใช่แต่เพียงรูปแบบของเว็บไซต์ที่นำเสนอผ่านการเข้าเว็บไซต์ด้วยคอมพิวเตอร์เท่านั้นแต่ยังต้องมีการปรับรูปแบบเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมสำหรับการเข้าดูเว็บไซต์ผ่านจอมือถือด้วย เนื่องด้วยในทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากมักมีการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองสนใจผ่านโทรศัพท์มือถือเพราะมีความง่าย รวดเร็วและสะดวกสบาย ใช้ได้ในทุกที่ทุกเวลาผ่านช่องทางออนไลน์เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
  • ในเว็บไซต์ควรจะมีเนื้อหาที่เป็นเนื้อหาที่สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม เป็นเนื้อหาที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้ามารับชมจริง ๆ ในส่วนของข้อมูลที่นำมาลงในเว็บไซต์เป็นบทความควรจะมีการเขียนขึ้นมาใหม่สามารถอ้างอิงข้อมูลสำคัญจากแหล่งต่าง ๆ ได้แต่ไม่ใช่การคัดลอกมาจากต้นฉบับ เพราะจะทำให้เนื้อหานั้น ๆ กลายเป็นเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการทำ SEO อย่างแน่นอน ซึ่งรูปแบบของการเขียนบทความ SEO ก็จะมีความแตกต่างจากบทความทั่วไป โดยจะมีรายละเอียด การวางคีย์เวิร์ด ความถี่ในการใส่คีย์เวิร์ด การกระจายคีย์เวิร์ดและอื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าหากเจ้าของเว็บไซต์มีความเข้าใจในส่วนนี้เป็นอย่างดีก็จะเพิ่มโอกาสในการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 
  • เลือกคีย์เวิร์ดที่มีจำนวนการค้นหาที่สูง ข้อนี้มีความสำคัญมากเพราะคีย์เวิร์ดเป็นเหมือนกุญแจที่จะนำให้ทุกคนสามารถเข้ามาค้นเจอเว็บไซต์ได้ ดังนั้นเจ้าของเว็บไซต์ควรที่จะทำการวิจัยและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่จะนำมาใช้อย่างเหมาะสมเพื่อก่อให้เกิดคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำ SEO ที่ดี
  • มีเครือข่ายของลิงก์จากเว็บไซต์ภายนอกที่มีความน่าเชื่อถือที่มีการอ้างอิงมาที่เว็บไซต์ของทางแบรนด์ ในส่วนนี้ก็จะช่วยทำให้เว็บไซต์มีเครดิตและส่งผลต่อการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าวิธีการทำ SEO มีหลากหลายขั้นตอน มีหลายองค์ประกอบ โดยในแต่ละส่วนนั้นสามารถที่จะนำมาแยกย่อยและพัฒนาได้อีกมากมาย ถ้าใครที่เป็นมือใหม่ในการทำเว็บไซต์สามารถที่จะศึกษาหาข้อมูลในการทำ SEO เพิ่มเติม ฝึกอบรมการทำเว็บไซต์หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์เพื่อตอบโจทย์การทำ SEO สำหรับเว็บไซต์ของคุณได้ตามสะดวก บอกเลยว่ามีความคุ้มค่าอย่างแน่นอน

SEO คืออะไร และสำคัญต่อธุรกิจออนไลน์อย่างไร

แวดวงการค้าขายออนไลน์มีการแข่งขันสูงทั้งด้านคุณภาพและราคา เพราะช่องทางขายออนไลน์จะเปรียบเทียบราคาได้ง่าย การทำ SEO ให้ลูกค้าเห็นก่อนใครในหน้าแรกของ Google เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความได้เปรียบมากกว่าคู่แข่ง ทำให้จำนวนคนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้นและเพิ่มโอกาสปิดยอดขายมากขึ้นส่งผลให้ธุรกิจเติบโตไปได้สวยอย่างที่ต้องการ

ก่อนอื่นต้องมีความเข้าใจพื้นฐานว่า SEO คืออะไร หลายคนอาจเคยได้ยินมาแล้วว่า Search Engine Optimization (SEO) เป็นเครื่องมือทางการตลาดดิจิทัลที่สำคัญ ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ คนเข้ามาดูสินค้าหรือบริการก่อนและมีโอกาสขายได้ตัดหน้าคู่แข่ง โดย SEO มีหลายองค์ประกอบด้วยกัน ต้องเข้าใจวิธีการค้นหาคีย์เวิร์ดและการปรับแต่งเว็บเพจ โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี ตลอดจนการทำแบ็คลิงก์ที่มีคุณภาพที่ช่วยเพิ่มปริมาณผู้ชมเว็บไซต์มากขึ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสูงหรือไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ก้าวไปสู่ประสบความสำเร็จได้ง่ายและเร็วขึ้น

เหตุใด SEO สำคัญต่อธุรกิจออนไลน์

-ประโยชน์หลักของ SEO เพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจ

การทำ SEO เพื่อปรับปรุงเนื้อหาในเว็บไซต์ให้ทันสมัย น่าอ่าน และมีประโยชน์ตรงกับความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย พร้อมกับปรับปรุงโครงสร้างของเว็บเพจให้ค้นหาง่ายและรวดเร็ว พิจารณาเลือกคีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดรองได้เหมาะสมตรงกับความต้องการของลูกค้า ทำให้เห็นว่าเว็บไซต์มีคุณภาพสูงส่งผลให้ถูกจัดอันดับอยู่ในหน้าแรกๆ ของเครื่องมือค้นหา ช่วยให้สามารถมัดใจลูกค้าในระยะยาว

-ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ หรือเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการตลาดวิธีอื่นๆ

หากเรียนรู้และจัดการกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ SEO ด้วยตัวเองจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ยกเว้นแต่จะจ้างทีมบริการมืออาชีพเข้ามาจัดการให้ หรือการซื้อโฆษณาและการจ่ายต่อคลิกซึ่งจะเสียเงินตามเงื่อนไขการคลิกโฆษณา 1 ครั้ง วิธีการง่ายที่สุดสำหรับการทำ SEO คือตั้งเป้าที่จะเขียนเนื้อหาบทความที่ดีกว่าเดิมโดยอัปเดตเนื้อหาเป็นประจำเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจนนำไปสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด ลูกค้าที่พึงพอใจจะแชร์เนื้อหาที่ชื่นชอบบนแพลตฟอร์มโซเชียล ส่งผลให้เกิดการบอกต่อกันไปซึ่งเป็นการโฆณษาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

-เทคนิคการเขียนที่ดีประกอบกับการเลือกคีย์เวิร์ดหลักที่ตรงใจผู้บริโภคช่วยสร้างกลยุทธ์ SEO ที่ดีขึ้น สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น

เขียนเนื้อหาบทความที่น่าอ่านน่าสนใจช่วยดึงดูดให้ลูกค้าเป้าหมายที่มีแนวโน้มสนใจธุรกิจนั้นตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการ หากการทำ SEO มีผลให้เว็บไซต์ติดอันดับอยู่ในหน้าแรกของผลลัพธ์การค้นหาของ Google เป็นจุดแข็งข้อหนึ่งที่ช่วยให้ธุรกิจได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้หากปรับปรุงให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นเหมาะกับการแสดงผลบนหน้าจอมือถือเป็นอีกจุดแข็งที่มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ผู้ใช้

จากนั้นเริ่มขอคำวิจารณ์จากลูกค้าช่วยให้คุณเจาะลึกถึงความต้องการอย่างละเอียดเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นไปอีก สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและไว้วางใจซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่สนับสนุนให้ธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จ

เคล็ดลับ SEO เขียนบทความให้ดีดึงดูดผู้อ่าน

เคล็ดลับการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ต้องมีบทความที่ดีเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ แม้จะศึกษากลยุทธ์การตลาดมาดีแค่ไหน แต่ถ้าคลิกเข้าในเว็บไซต์แล้วพบกับบทความเก่า ๆ ไม่มีข้อมูลทันสมัยหรือเขียนไม่รู้เรื่อง ไม่น่าอ่าน ความสนใจในเบื้องต้นของลูกค้าจะหมดลงและไม่คลิกเข้ามาเพื่ออ่านบทความในเว็บไซต์อีก วิธีการเขียนบทความให้ดีทำอย่างไร มาอ่านเนื้อหากันเลย

1.การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม นับเป็นก้าวแรกของการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าแรกของ Google คีย์เวิร์ดที่ดีมีความสำคัญ ควรเลือกคำที่มีความหมายตรงกับความต้องการของคนหรือตรงกับปัญหาและเป็นคำที่ถูกค้นหามากที่สุด ซึ่งหมายความว่าคีย์เวิร์ดอาจเปลี่ยนไปตามความนิยมของลูกค้า จึงต้องทำการตลาดด้านคีย์เวิร์ดในเวลานั้นเพื่อนำมาปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณ

2.เขียนบทความน่าอ่านและมีประโยชน์ คีย์เวิร์ดที่ดีเป็นเรื่องของการตลาด เลือกคำเหมาะสมทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นเจอและส่งผลให้ธุรกิจของเราติดอันดับในการค้นหา แต่ถ้าใส่คีย์เวิร์ดไปแล้วแต่ในเว็บไซต์ม่มีข้อมูลอะไรที่ให้ประโยชน์กับผู้อ่าน เว็บไซต์ของคุณคงไม่ได้รับความสนใจอีกต่อไป ทำให้การทำ SEO เสียเวลาเปล่า ถึงแม้ว่าจะมีการคลิกเข้าเว็บไซต์ปริมาณมากขึ้นแต่คลิกออกโดยเร็วการทำ SEO จึงไม่มีประสิทธิภาพ หากไม่สามารถเขียนบทความด้วยตนเอง ขอแนะนำให้จ้างนักเขียนที่มีฝีมือและสไตล์การเขียนที่โดดเด่นมาช่วยทำคอนเทนต์ให้ปัง โดยคิดในมุมของคนอ่านว่าสนใจอะไรและสอดแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทำให้บทความนั้นมีสีสัน กระตุ้นให้คนติดตามอ่านอย่างต่อเนื่อง

3.การใช้คีย์เวิร์ดแทรกในบทความอย่างลงตัว การเขียนเนื้อหาบทความที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเว็บไซต์จะต้องเลือกคีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกันต้องมีความกลมกลืนกับเนื้อหาด้วย หากเป็นการยัดเยียดคำลงไป อ่านแล้วไม่สละสลวยทำให้ผู้อ่านไม่เข้าใจย่อมไม่เกิดประโยชน์ ก่อนเขียนบทความต้องเลือกคีย์เวิร์ดว่ามีกี่คำ ต้องการใส่คำละกี่ครั้ง วางแผนเสร็จแล้วเขียนร่างเนื้อหาบทความออกมาก่อน เพื่อให้ครอบคลุมข้อมูลสำคัญและทำให้ขั้นตอนการเขียนง่ายและเร็วขึ้น มีการเรียงลำดับเนื้อหาอย่างเหมาะสม จากนั้นจึงใส่คีย์เวิร์ดแทรกลงไป นอกจากนี้ยังใส่คีย์เวิร์ดในชื่อหน้าเว็บได้ ใส่คีย์เวิร์ดในหัวข้อย่อยของบทความด้วย รวมไปถึงการใช้คีย์เวิร์ดเป็นชื่อของไฟล์รูปภาพ, ใน URL และใน Description เพื่อให้ค้นหาเว็บไซต์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

หากคุณยังไม่ทราบว่าควรใช้คีย์เวิร์ดแบบไหนดี แนะนำให้ใช้เครื่องมือค้นหาเป็นตัวช่วยเลือกคีย์เวิร์ด เช่น Google Keyword Planner, Keysearch, Ubersuggest เลือกมาหลาย ๆ คำที่มีความหมายใกล้เคียงเพื่อให้เลือกใช้ได้และปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ควรแทรกคีย์เวิร์ดในบทความอย่างเป็นธรรมชาติและมีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้เนื้อหาบทความดี ๆ ดึงดูดผู้ชมมากขึ้นอีกระดับ

SEO กับ Awareness ของลูกค้า และรายได้ของธุรกิจที่ไม่อาจมองข้าม

ในการทำธุรกิจทุกประเภท การรับรู้ของลูกค้านั้นเป็นหนึ่งปัจจัยที่เจ้าของกิจการไม่อาจมองข้ามได้เลย โดยเฉพาะในธุรกิจออนไลน์ที่มีตลาดที่ใหญ่แต่มีการแข่งขันที่สูง ซึ่ง Awareness ยุคออนไลน์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับการทำ SEO ของธุรกิจอย่างที่สุด การสร้างให้ลูกค้าเกิด Awareness นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าสามารถทำเรื่องนี้ได้ดี โอกาสที่ธุรกิจของเราจะประสบความสำเร็จและสร้างให้เกิดผลตอบแทนที่เป็นกำไรตามเป้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก

Awareness กับการสื่อสารให้ธุรกิจเป็นที่รู้จัก

สร้างให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้าง สิ่งสำคัญของการสร้างการรับรู้หรือการทำให้ลูกค้ามี Awareness กับธุรกิจของเราก็คือการประชาสัมพันธ์ และในธุรกิจออนไลน์ซึ่งเป็นยุคที่ผู้คนจะค้นหาสิ่งต่าง ๆ ผ่านการ Search อย่างนั้นแล้ว ธุรกิจจึงควรทำ SEO เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและ Aware ได้ว่าธุรกิจของเรานั้นมีอยู่ และพร้อมที่จะนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้า

เปลี่ยนลูกค้าในอนาคตให้เป็นลูกค้าปัจจุบัน ลูกค้าในอนาคตก็คือผู้ที่มีความต้องการในการซื้อสินค้าหรือบริการของเรา ถ้าไม่อยากเสียลูกค้าให้กับคู่แข่ง หน้าที่ของเราคือการทำ SEO เพื่อสร้างการรับรู้ให้ลูกค้าในอนาคตของเราได้รู้จักกับธุรกิจของเราเอง หลังจากนั้นแล้วก็ยิ่งที่จะมีโอกาสมากที่เราจะสามารถเปลี่ยนลูกค้าคนนั้นให้เป็นลูกค้าปัจจุบันที่ซื้อสินค้าของเราได้ง่ายกว่า

Awareness กับการตัดสินใจซื้อและความภักดีต่อแบรนด์

ข้อมูลที่ส่งมอบเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการทำ SEO ไม่ได้มีแค่การสร้างให้เกิดการรับรู้เกี่ยวกับธุรกิจ แต่ยังเป็นการส่งมอบข้อมูลที่สำคัญให้แก่ลูกค้าด้วย ซึ่งข้อมูลคุณภาพที่ว่านี้เอง คือปัจจัยที่จะส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของเราในที่สุด แน่นอนว่าสิ่งที่ธุรกิจจะได้ก็คือผลกำไรจากการขายนั่นเอง

สินค้าดี การตลาดโดน ลูกค้าประทับใจ สามองค์ประกอบนี้คือหลักการสร้าง Awareness ผ่านการทำ SEO ที่เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ นั่นหมายความว่าในทุก ๆ ขั้นตอนของการทำธุรกิจผ่านการทำ SEO จะช่วยให้ลูกค้าเกิดการรับรู้ได้ว่าสินค้าของเราดีอย่างไร ได้รู้จักสินค้า บวกกับการทำการตลาด ทำ PR ผ่าน SEO เป็นช่วง ๆ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วจะนำไปสู่การสร้างให้เกิดความประทับใจในแบรนด์และต่อยอดเป็นผลกำไรของธุรกิจต่อไป

เพราะเป้าหมายหลักที่สำคัญของธุรกิจออนไลน์ ก็คือการสร้างผลกำไร และสิ่งที่จะช่วยให้เราเดินทางไปถึงที่หมายได้นั้นก็คือการสร้างให้ลูกค้าเกิด Awareness กับธุรกิจ ผ่านเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพอย่าง SEO

เรื่องที่ไม่ควรทำเกี่ยวกับ SEO ถ้าไม่อยากให้ธุรกิจเฟล

อย่างที่เรารู้กันดีว่าการทำ SEO คือหัวใจสำคัญของการสร้างแบรนด์ที่จะมีส่วนทำให้ธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จ แต่การขาดความเข้าใจในหลักของการทำ SEO ที่ถูกต้องของเจ้าของธุรกิจอาจทำให้เกิดปัญหา ที่จนในที่สุดแล้วจากเครื่องมือดี ๆ อาจกลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจของเราเฟลได้ และนี่คือเรื่องสำคัญที่คุณไม่ควรทำเกี่ยวกับ SEO ถ้าไม่อยากให้ธุรกิจออนไลน์เฟล

1. ทำ SEO แล้วหยุดทำ ไม่อัปเดตเว็บ

เจ้าของแบรนด์หรือเว็บไซต์บางคนอาจมีความคิดว่าการทำ SEO คืองานการตลาดออนไลน์ที่เมื่อทำไปแล้วก็คือแล้วกัน หรือเมื่อทำ SEO จนเว็บไซต์ติดอันดับแล้วคือผ่าน ก็เลยหยุดทำไป แต่ความเชื่อนั้นผิดมาก เพราะรูปแบบการให้ความสำคัญกับการจัดอันดับเว็บไซต์ของ Google จะเลือกแสดงเว็บที่มีการอัปเดตบ่อย เว็บไซต์ที่มีความสดใหม่กว่ามักจะได้รับการเลือกให้ขึ้นมาแทนเว็บที่ไม่อัปเดต ถ้าเว็บของเราไม่มีการปรับปรุงเนื้อหาก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังแน่นอน

2. บทความไม่ Original หรือชอบไปคัดลอกมา

เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับการทำ SEO เพราะบางคนอาจคิดว่าหลักการของการทำ SEO คือการเล่นกับ Keyword ยิ่งเว็บมี Keyword มากก็จะยิ่งทำให้ติดอันดับง่าย แต่บอกเลยว่า Google ไม่ได้ไม่รู้ เพราะระบบจะมีแนวทางในการจัดการกับเว็บไซต์ที่ชอบคัดลอกบทความและรูปภาพของคนอื่นมาใช้ ต่อให้ลอกมาได้ ไม่นานเว็บก็จะถูกถอดออกและโดนลบไปตามข้อกำหนดตามเรื่องของลิขสิทธิ์ วิธีแก้ก็คือหากเราจำเป็นต้องเอาบทความหรือรูปภาพจากที่ไหนมาใช้ ให้ทำการขออนุญาตเจ้าของก่อนให้เรียบร้อย หรือเลือกใช้วิธีการทำ Backlink ไปยังบทความต้นฉบับให้ถูกต้อง สำหรับกรณีของภาพ ให้เลือกจากแหล่งภาพแจกฟรีหรือซื้อภาพถูกลิขสิทธิ์มาใช้เพื่อความอุ่นใจจะดีกว่า

3. กระหน่ำโพสต์โดยไม่ดูเรื่องคุณภาพ

สำหรับข้อนี้ให้นึกถึงพวกเว็บที่ถูกใช้ในการประกาศขายสินค้า ที่เจ้าของธุรกิจหลายคนชอบเข้าไปกระหน่ำอัปเดตฝากร้าน โปรโมทสินค้าหรือบริการแบบไม่พัก การขยันโพสต์อาจดูเป็นเรื่องดีที่จะช่วยเพิ่ม Backlinks ได้ แต่ถ้าเล่นโพสต์ไปเรื่อยลงในเว็บที่ไม่มีคุณภาพ และมีการ Copy วางแบบเป๊ะ ๆ ทุกตัวอักษร อาจพาเราไปสู่ปัญหา Spam Backlinks ที่เมื่อ Google ตรวจเจอ ก็จะค่อย ๆ ลดอันดับของเว็บไซต์ของเราลงเรื่อย ๆ จนหายไปจากหน้าแรกในที่สุด

พอได้รู้แบบนี้แล้ว เจ้าของธุรกิจคนไหนที่ยังใช้วิธีการทำ SEO แบบนี้อยู่ เห็นทีต้องรีบเปลี่ยนกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ใหม่แล้ว มาปรับรูปแบบการใช้ SEO ใหม่ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำอย่างต่อเนื่อง และทำให้ถูกวิธี รับรองว่าธุรกิจออนไลน์ไปได้ไกลแน่นอน

เทคนิคสร้าง SEO ให้ได้ผลจริง

SEO (Search Engine Optimization) คือวิธีการปรับการแต่งเว็บไซต์ ทั้งการปรับปรุงเนื้อหา และการเพิ่ม Backlink หรือลิงค์คุณภาพมายังเว็บไซต์เพื่อโปรโมทเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้น ๆ ของ Search Result Page ซึ่งเป็นหน้าการแสดงผลการค้นหา ซึ่งเมื่อกรอก Keyword หรือคำค้นหาที่ต้องการผ่าน Search Engine หรือเครื่องมือการค้นหา อย่าง Google, Yahoo!, Bing ซึ่งเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์

แต่ละ Search Engine ก็มีหลักการที่ไม่ต่างกันนัก นั่นคือการใช้ User Experience (UX) หรือการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด การทำ SEO ตามหลักของ Google จึงเป็นการทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ มีข้อมูลตรงตาม Keyword ที่ใช้ค้นหา และยังส่งผลของการทำ SEO ใน Search Engine อื่น ๆ ด้วย

Keyword คือคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาสิ่งที่ตนเองต้องการด้วย Search Engine ทั้งสินค้า บริการ ปัญหา หรือความต้องการอื่น ๆ เมื่อทำการเสิร์ชอะไรบางอย่าง แล้วในเว็บไซต์มีประโยคที่มี Keyword อยู่ เว็บไซต์นั้นก็จะแสดงบนหน้าของ Search Engine เมื่อเข้าใจพฤติกรรมการค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย ก็จะช่วยให้สามารถเลือก Keyword ได้ถูกต้อง ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด ทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก และมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มากขึ้น

ประเภทของ Keywords

  • Generic Keyword หรือ Keyword ทั่วไป เป็นคำหรือวลีกว้าง ๆ ไม่เฉพาะเจาะจง ควรเป็นคำที่มีปริมาณการค้นหาสูงมาก ข้อดีคือช่วยให้เว็บไซต์สามารถติดอันดับได้ง่าย ทำให้เว็บไซต์ และธุรกิจเป็นที่รู้จักได้มากขึ้น แต่โอกาสติดอันดับต้น ๆ ค่อนข้างยาก เพราะเป็นคำที่มีปริมาณการค้นหาสูง ทำให้มีคู่แข่งมากตามไปด้วย
  • Niche Keyword เป็นการกำหนด Keyword ที่แคบขึ้นมาอีกเล็กน้อย ข้อดีคือทำให้เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงได้ดีขึ้น ตรงตามความต้องการของผู้เสิร์ชมากขึ้น สร้างโอกาสในการขายได้ดีขึ้น และช่วยลดคู่แข่งได้ดีกว่าการใช้ Generic Keyword
  • Longtail Keyword เป็น Keyword ที่เฉพาะเจาะจงตรงตามความต้องการของผู้เสิร์ชอย่างชัดเจน แม้ปริมาณการค้นหาจะต่ำก็ตาม อาจเรียกได้ว่าเป็น Keyword ที่สามารถทำเงินได้ดี เพราะผู้เสิร์ช Keyword กลุ่มนี้ คือผู้ที่มีความต้องการสินค้าและบริการอย่างชัดเจนแล้ว

ขั้นตอนการเขียนบทความที่ดีต่อ SEO

  1. เลือกหัวข้อที่จะเขียน ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจ เพราะการคลิกเลือกเว็บไซต์จะเลือกจากหัวข้อที่สนใจก่อน
  2. ค้นหาคีย์เวิร์ดที่คนใช้เสิร์ชมาก ๆ และตรงกับเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ โดยลองพิมพ์คำที่สนใจบนช่องการค้นหาของ Google และดูคำยอดนิยมที่แสดงขึ้นมา ทำให้ทราบปริมาณการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้น ๆ รวมถึงคำใกล้เคียงกันด้วย
  3. เขียนเนื้อหาที่ครอบคลุมกับ Keyword และมีความยาวของบทความที่ไม่สั้นจนเกินไป เนื้อหาควรครอบคลุมหลาย ๆ คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง โดยมาก Google ค่อนข้างชอบบทความที่ค่อนข้างยาว เพราะสามารถทำความเข้าใจเนื้อหาของบทความได้ดีกว่าบทความสั้น ๆ
  4. เขียนคอนเทนต์คุณภาพที่สร้างประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่เขียนย่อหน้าแรกยาวมากเกินไป จนไม่ดึงดูดใจของผู้อ่าน อาจใช้มีเดียอื่น ๆ อย่าง รูปภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์
  5. นำคีย์เวิร์ดที่ต้องการมาใช้กับคอนเทนต์ ใส่คีย์เวิร์ดในส่วนต่าง ๆ ของบทความ หรือใส่คีย์เวิร์ดไว้ในลิงก์ URL หรือรูปภาพก็ได้
  6. การแชร์บนโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงบทความนั้น ๆ เพิ่มโอกาสการเข้าชมมากขึ้น
  7. การวิเคราะห์ผลลัพธ์ วิเคราะห์ผลลัพธ์ผ่าน Google analytics เพื่อดูพัฒนาการของเว็บไซต์ และหาทางปรับปรุงต่อไป

SEO และ SEM ต่างกัน ควรโฟกัสแบบไหนให้ตอบโจทย์ที่สุด

เทคนิคการทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับแรกของผลการค้นหาใน Google ด้วยปรับแต่งปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อกับจัดอันดับโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา แตกต่างจาก SEM (Search Engine Marketing) ซึ่งเป็นการทำการตลาดแบบลงโฆษณาและเสียเงินตามจำนวนคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ มาดูกันเลือกแบบไหนคุ้มค่าและตอบโจทย์คุณที่สุด

เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของ SEO และ SEM

การทำงานของ SEO มีข้อดีคือการทำตลาดแบบธรรมชาติ ไม่ต้องเสียค่าคลิกโฆษณาเข้าสู่เว็บไซต์ ไม่ว่าคนจะคลิกเข้ามากเท่าไรก็ไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา ข้อเสียคือต้องอาศัยมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาปรับแต่ง SEO อย่างต่อเนื่องและใช้เวลานานกว่าที่จะไต่อันดับขึ้นมาหน้าแรกจึงจะได้รับการจัดอันดับดีขึ้น ถ้าพูดถึงความคุ้มค่าต่อการลงทุน การทำ SEO จะช่วยเพิ่มยอดขายต่อเนื่องในระยะยาว วิธีการทำตลาดแบบธรรมชาติคือการปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ให้สวยงามใช้งานง่าย เนื้อหาบทความมีคุณภาพ ให้ประโยชน์กับผู้อ่าน เครื่องมือค้นหาได้ง่าย และรองรับการใช้งานบนสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ปัจจัยการจัดอันดับของ Google จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ต้องปรับปรุงเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้อันดับตกต่ำลง ถ้าหยุดทำ SEO เมื่อไรอันดับก็จะตกลงเช่นเดียวกัน

การทำงานของ SEM คือการลงโฆษณาผ่านระบบ Google Ads ต้องประมูลคีย์เวิร์ดเพื่อให้โฆษณาแสดงผลการค้นหาบนหน้าแรก โดยจะมีค่าโฆษณาตามจำนวนคลิกเข้าเว็บไซต์ ซึ่งหมายความว่าคุณจะจ่ายค่าโฆษณาเมื่อมีการคลิกเกิดขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดคีย์เวิร์ดที่ต้องการลงโฆษณาด้วยตัวเอง ทั้งยังเปลี่ยนคีย์เวิร์ดใหม่และเพิ่มจำนวนคีย์เวิร์ดได้เองอีกด้วย ผลลัพธ์ที่ได้คือโฆษณาจะขึ้นแสดงผลบนหน้า Google รวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง หากต้องการเพิ่มจำนวนคลิกเข้าเว็บไซต์ต้องเพิ่มงบโฆษณามากขึ้น ข้อดีอีกอย่างของ SEM คือการประมูลคีย์เวิร์ดนั้นกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้เฉพาะเจาะจงมากกว่า ระบุเพศ อายุ จังหวัด ที่ต้องการได้ แต่การซื้อโฆษณาเป็นระบบประมูล ถ้าคู่แข่งเพิ่มราคาทำให้ต้องเสียเงินค่าคลิกแพงขึ้น ไม่เช่นนั้นอันดับการแสดงผลการค้นหาบน Google จะลดลง หรือหยุดจ่ายค่าโฆษณาเมื่อไรเว็บไซต์จะไม่แสดงผลบน Google

ถึงตอนนี้คงพอเข้าใจความแตกต่างระหว่าง SEO และ SEM แล้ว ในกรณีที่ต้องการให้โฆษณาบน Google ประสบความสำเร็จมากที่สุดควรทำกลยุทธ์ SEO และ SEM สนับสนุนกันและกัน หากธุรกิจของคุณมีเงินทุนไม่มากพอแนะนำให้พิจารณาเลือกใช้วิธีการแบบใดแบบหนึ่งไหนที่ตอบโจทย์ธุรกิจมากที่สุด แต่ถ้ามีงบประมาณพอสำหรับการทำ SEO และ SEM ควบคู่กันและหาทางใช้ประโยชน์จากทั้งสองช่องทาง เช่น วิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพจากโฆษณาบน SEM นำมาใช้ประโยชน์ในการทำ SEO ได้ ขณะเดียวกันก็ใช้คำค้นหาจาก SEO ไปใช้ในการทำ SEM ได้เหมือนกัน วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ได้ดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น

อยากทำการตลาดออนไลน์ให้ปัง ทำยังไง ?

ปัจจุบันนี้มีร้านขายสินค้าและบริการมากมายที่เป็นคู่แข่งทางการค้าบนโลกออนไลน์ การแข่งขันทางการตลาดที่สูงขึ้นหลายเท่าตัวในช่วง covid ที่ใคร ๆ ต่างมาขายในโลกอินเทอร์เน็ตมากขึ้นย่อมทำให้เราต้องมองหาวิธีว่าจะทำการตลาดออนไลน์ให้ปังอย่างไรได้บ้าง

จ้างคนดังโปรโมต

เน็ตไอดอลเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่ดีสำหรับการขายของบนอินเทอร์เน็ต เพราะเป็นคนที่ใคร ๆ ก็รู้จักและเกิดความเชื่อมั่นในตัวสินค้าง่าย หากจ้างดาราอาจใช้งบประมาณมากเกินไปสำหรับบริษัทเล็ก ๆ เราจึงแนะนำให้ค้นหาดูว่ามีเน็ตไอดอลคนไหนบ้างที่มียอดผู้ติดตามเยอะ เพื่อจ้างประชาสัมพันธ์โฆษณาสินค้าให้โดยมีสัญญาจ้างงานที่ชัดเจนตามแต่จะตกลงกัน

ทำแคมเปญลดแลกแจกแถม

ในยุค covid ทุกคนต้องรัดเข็มขัดประหยัดและจ่ายเงินซื้อของที่ลดราคาคุ้มค่า ดังนั้นการทำแคมเปญลดแลกแจกแถมจึงจำเป็นอย่างมาก เช่น ทำโปรโมชั่น 3 แถม 1, ทุกชิ้น 100 บาทเท่ากัน, จัดส่งฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย, รับประกันสินค้าซ่อมฟรี 1 ปี ฯลฯ เป็นต้น เป็นเทคนิคที่ทำให้ผู้คนสนใจมากขึ้น และเพิ่มลูกค้าประจำได้ด้วย

มีบริการหลังการขายที่ดี

หลายคนคิดว่าการทำการตลาดจบแล้ว เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าไป แต่ที่จริงแล้วต้องมีส่วนของบริการหลังการขายตามมาด้วย เช่น การติดตามสอบถามความพึงพอใจในสินค้าและบริการ การสอบถามปัญหาจากการใช้งานเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สั่งซื้อไป เป็นต้น

เชิญชวนให้มารีวิว

ผู้คนนิยมซื้อสินค้าจากรีวิวมากขึ้น เพื่อดูประสบการณ์ของผู้คนจากการใช้งานจริง ผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการออนไลน์ยุคใหม่จึงมักเชิญชวนให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปแล้วกลับมารีวิว โดยแลกกับการมอบชุดทดลองของสินค้าใหม่ ๆ เป็นการขอบคุณหรือเป็นแต้มส่วนลดในการซื้อสินค้าครั้งต่อไป

ทำบทความ SEO

การทำบทความ SEO เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสินค้า เช่น ทีเด็ดบอลสูงต่ำ มีการให้ทีมบอลเต็งจากราคาบอล O/U หรือการแนะนำคุณภาพสินค้า ให้รายละเอียดสเปกสินค้า สอนวิธีการเลือกสินค้าที่มีคุณภาพ สอนเทคนิคการดูแลข้าวของเครื่องใช้ในบ้านให้มีอายุนาน ฯลฯ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าประทับใจเมื่อเข้าไปอ่านในเพจ รู้สึกว่าบริษัทมีความจริงใจต่อลูกค้า มากกว่าการเน้นโฆษณาสินค้าเพียงอย่างเดียว และจะเกิดการแชร์บอกต่อที่มากขึ้น ทำให้ลูกค้าขยายวงกว้างขึ้นด้วย

ตลาดออนไลน์ในปัจจุบันต้องมีการปรับตัวอย่างมาก ผู้ที่สามารถประยุกต์ใช้เทคนิคหลากหลายวิธีการที่เราแนะนำไปเข้าด้วยกัน จะเป็นบริษัทที่สามารถอยู่รอดได้และมียอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นสวนกระแสอย่างแน่นอน