10 ประโยชน์ของการทำ SEO

การทำ SEO (Search Engine Optimization) มีประโยชน์มากมายทั้งต่อธุรกิจและเว็บไซต์ต่าง ๆ ดังนี้

1.เพิ่มการเข้าถึง: การปรับปรุง SEO ช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google ซึ่งเป็นที่สำคัญในการเพิ่มการเข้าถึงของเว็บไซต์ของคุณ

2.สร้างความไว้วางใจ: เว็บไซต์ที่ปรากฏในผลการค้นหาบนเครื่องมือค้นหาอยู่ในตำแหน่งที่สูงมักถูกมองว่ามีความน่าเชื่อถือสูงกว่าและมั่นใจมากขึ้นในผู้ใช้

3.เพิ่มการขายและกำไร: การเพิ่มการเข้าถึงและการวางตำแหน่งสูงในผลการค้นหาช่วยเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้เยี่ยมชมเป็นลูกค้าและเพิ่มยอดขาย

4.ลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา: SEO เป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการโฆษณาแบบ PPC (Pay-Per-Click) หรือการโฆษณาทางสื่ออื่น ๆ และมักมีผลต่อไปยังระยะยาว

5.ทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักมากขึ้น: การปรากฏในผลการค้นหาเป็นวิธีที่ดีในการทำให้คนรู้จักและติดตามเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มชื่อเสียงและอิทธิพลในวงกว้างขึ้น

6.พัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน: การปรับปรุง SEO ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโครงสร้างที่ดีขึ้นและช่วยสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น เช่นการลดเวลาโหลดหน้าเว็บและการปรับปรุงความสมดุลในการใช้งาน

7.การเพิ่มความน่าสนใจของเนื้อหา: การทำ SEO ส่งเสริมให้คุณสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและเน้นไปที่คำหลักที่สำคัญ ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้เยี่ยมชมมีประสบการณ์ที่ดีและเพิ่มความน่าสนใจในเว็บไซต์ของคุณ

8.การพัฒนาการสร้างภาพบริษัท: เว็บไซต์ที่มีการปรับปรุง SEO ที่ดีช่วยสร้างภาพบริษัทที่ดีในตลาดและช่วยเสริมภาพยนตร์และสัญลักษณ์ของบริษัท

9.การตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้: การปรับปรุง SEO ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้อย่างเหมาะสม โดยเน้นไปที่คำค้นหาและความต้องการของผู้ใช้

10.การต่อสู้กับคู่แข่ง: การทำ SEO ช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณเห็นได้ในผลการค้นหาในตำแหน่งที่ดีกว่าคู่แข่ง ซึ่งช่วยให้คุณคงทนในการแข่งขันในตลาดออนไลน์ได้ดีขึ้น

กระบวนการ SEO ที่ได้ผลจริง

ต่อไปนี้คือรายละเอียดของกระบวนการ SEO ที่สามารถใช้งานได้จริง

1. การวิจัยคำหลัก

-ระบุคำหลักที่เกี่ยวข้อง: ระดมความคิดเกี่ยวกับคำที่ผู้คนค้นหาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ใช้เครื่องมือเช่น Google เครื่องมือวางแผนคำหลัก หรือ answerthepublic.com เพื่อค้นหาปริมาณการค้นหาและระดับการแข่งขัน

-กำหนดเป้าหมายคำหลักหางยาว: เป็นวลีที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นและมีการแข่งขันต่ำกว่า แต่อาจมีคุณค่าสูงในการดึงดูดลูกค้าเป้าหมายที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

2. การเพิ่มประสิทธิภาพในหน้า

-เพิ่มประสิทธิภาพแท็กชื่อและคำอธิบายเมตา: รวมคำหลักที่เกี่ยวข้องในแท็กชื่อของคุณ (ต่ำกว่า 60 อักขระ) และคำอธิบายเมตา (ต่ำกว่า 160 อักขระ) เพื่อบอกเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้ว่าเพจของคุณเกี่ยวกับอะไร

-เนื้อหาคุณภาพสูง: สร้างเนื้อหาที่ให้ข้อมูลและน่าสนใจซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้ชมเป้าหมายและรวมคำหลักของคุณไว้อย่างเป็นธรรมชาติ

-โครงสร้างเนื้อหา: ใช้ส่วนหัว (H1, H2 ฯลฯ) เพื่อแยกเนื้อหาและปรับปรุงให้อ่านง่าย

-การเพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพ: รวมคำหลักที่เกี่ยวข้องในชื่อไฟล์รูปภาพและคำอธิบายข้อความแสดงแทน

3. เทคนิค SEO

-เป็นมิตรกับมือถือ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณตอบสนองต่อมือถือเพื่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุดบนอุปกรณ์ทั้งหมด

-ความเร็วเว็บไซต์: เว็บไซต์ที่โหลดเร็วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ SEO และประสบการณ์ผู้ใช้ ใช้เครื่องมือทดสอบความเร็วเว็บไซต์ เช่น Google PageSpeed ​​Insights เพื่อระบุจุดที่ต้องปรับปรุง

-มาร์กอัปข้อมูลที่มีโครงสร้าง: ใช้มาร์กอัปสคีมาเพื่อให้เครื่องมือค้นหามีข้อมูลที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลการค้นหาที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

4. การเพิ่มประสิทธิภาพนอกหน้า

-การสร้างลิงก์: รับลิงก์ย้อนกลับคุณภาพสูงจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มเฉพาะของคุณ สิ่งนี้บ่งบอกถึงความไว้วางใจและอำนาจในเครื่องมือค้นหา

-การกล่าวถึงแบรนด์: ส่งเสริมการกล่าวถึงแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย สิ่งตีพิมพ์ในอุตสาหกรรม หรือชุมชนออนไลน์ที่เกี่ยวข้อง

5. ติดตามและวิเคราะห์

-ตรวจสอบประสิทธิภาพ SEO ของคุณ: ใช้เครื่องมือเช่น Google Search Console เพื่อติดตามการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ อันดับคำหลัก และลิงก์ย้อนกลับ

-ปรับเปลี่ยนและปรับปรุง: SEO เป็นกระบวนการที่กำลังดำเนินอยู่ วิเคราะห์ข้อมูลของคุณเป็นประจำและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของคุณโดยพิจารณาจากสิ่งที่ได้ผลและสิ่งที่ไม่ได้ผล


ข้อควรจำ: SEO เป็นกลยุทธ์ระยะยาว ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างสม่ำเสมอจึงจะเห็นผล อย่างไรก็ตาม ด้วยการดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณสามารถปรับปรุงการจัดอันดับการค้นหาทั่วไปของเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมาก และดึงดูดปริมาณการเข้าชมที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมากขึ้น

ข้อดี-ข้อเสียของseo

SEO (Search Engine Optimization) คือ กระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์สามารถปรากฏอยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาตามคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง การทำ SEO มีประโยชน์ต่อธุรกิจหลายประการ ดังนี้

ข้อดีของการทำ SEO

  • เพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ การทำ SEO ช่วยให้เว็บไซต์สามารถปรากฏอยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาตามคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ได้รับความสนใจจากผู้ค้นหามากขึ้น และเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์โดยธรรมชาติ
  • สร้างการรับรู้แบรนด์ การทำ SEO ช่วยให้เว็บไซต์สามารถปรากฏอยู่ในผลการค้นหาได้บ่อยขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ค้นหาจดจำแบรนด์ของธุรกิจได้ดีขึ้น
  • เพิ่มโอกาสในการขาย การทำ SEO ช่วยให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้าหรือบริการของธุรกิจได้มากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย การทำ SEO เป็นวิธีการการตลาดออนไลน์ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าบำรุงรักษาเว็บไซต์

ข้อเสียของการทำ SEO

  • ต้องใช้เวลาและ effort การทำ SEO ไม่สามารถทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ได้ทันที จำเป็นต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณภาพและตรงตามเกณฑ์ของเครื่องมือค้นหา
  • เป็นการแข่งขัน การทำ SEO เป็นการแข่งขันกันระหว่างเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อแย่งชิงอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา ซึ่งหมายความว่าเว็บไซต์อาจไม่สามารถติดอันดับต้น ๆ ได้หากเว็บไซต์อื่น ๆ มีคุณภาพและมีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องมากกว่า
  • ต้องอาศัยความรู้และทักษะ การทำ SEO จำเป็นต้องอาศัยความรู้และทักษะเฉพาะด้าน หากไม่มีความรู้และทักษะเพียงพอ อาจทำให้การทำ SEO ไม่ได้ผล

สรุป

การทำ SEO เป็นวิธีการการตลาดออนไลน์ที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจหลายประการ อย่างไรก็ตาม การทำ SEO จำเป็นต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณภาพและตรงตามเกณฑ์ของเครื่องมือค้นหา นอกจากนี้ การทำ SEO ยังเป็นการแข่งขันกันระหว่างเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งหมายความว่าเว็บไซต์อาจไม่สามารถติดอันดับต้น ๆ ได้หากเว็บไซต์อื่น ๆ มีคุณภาพและมีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องมากกว่า

จุดอ่อนของการทำ seo

SEO มีจุดอ่อนของตัวเอง เช่นเดียวกับกลยุทธ์ทางการตลาดอื่นๆ นี่คือจุดอ่อนที่พบบ่อยที่สุดของ SEO

1.ต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผล SEO ไม่ใช่วิธีแก้ไขด่วน ต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณใน SERP คุณควรคาดว่าจะเห็นผลภายใน 6 ถึง 12 เดือน แต่อาจใช้เวลานานกว่านั้น

2.ไม่รับประกันการทำงาน ไม่มีการรับประกันว่า SEO จะทำงานให้กับเว็บไซต์ของคุณ ความสำเร็จของแคมเปญ SEO ของคุณขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มเฉพาะของคุณ คุณภาพของเนื้อหาของคุณ และระยะเวลาและความพยายามที่คุณยินดีทุ่มเท

3.มันเป็นกระบวนการที่กำลังดำเนินอยู่ SEO ไม่ใช่เรื่องครั้งเดียว คุณต้องเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และเนื้อหาของคุณอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาอันดับของคุณใน SERP อาจใช้เวลานานและมีราคาแพง

4.เป็นการยากที่จะติดตามผลลัพธ์ การติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญ SEO ของคุณอาจเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับของคุณใน SERP และอาจเป็นเรื่องยากที่จะแยกผลกระทบของ SEO ออก

5.มันสามารถถูกลงโทษโดยเครื่องมือค้นหา หากคุณใช้เทคนิค SEO หมวกดำ เว็บไซต์ของคุณอาจถูกลงโทษโดยเครื่องมือค้นหา ซึ่งอาจส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณถูกเพิกถอนจาก SERP ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อธุรกิจของคุณ

แม้จะมีจุดอ่อนเหล่านี้ SEO อาจเป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพมากสำหรับธุรกิจออนไลน์ หากคุณยินดีสละเวลาและความพยายาม SEO สามารถช่วยให้คุณดึงดูดผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขายและยอดขาย และปรับปรุงชื่อเสียงของแบรนด์ของคุณ

เคล็ดลับในการลดจุดอ่อนของ SEO มีดังนี้

1.ตั้งความคาดหวังที่เป็นจริง อย่าหวังว่าจะเห็นผลในชั่วข้ามคืน

2.อดทนและแน่วแน่ SEO เป็นกระบวนการต่อเนื่อง

3.จ้างที่ปรึกษา SEO ที่มีประสบการณ์ พวกเขาสามารถช่วยคุณสร้างแคมเปญ SEO ที่ประสบความสำเร็จได้

4.ติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับเทรนด์ SEO ล่าสุด อัลกอริธึมของเครื่องมือค้นหามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องติดตามเทรนด์ล่าสุดอยู่เสมอ

5.ใช้เทคนิค SEO หมวกขาว เทคนิค Black hat SEO สามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกลงโทษโดยเครื่องมือค้นหา

6.ตรวจสอบประสิทธิภาพ SEO ของคุณ ใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics เพื่อติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญ SEO ของคุณ

เมื่อปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณสามารถลดจุดอ่อนของ SEO และเพิ่มประโยชน์สูงสุดให้กับธุรกิจของคุณได้

ความจำเป็นหลักของการใช้ seo เข้ามาช่วยในธุรกิจ

ความจำเป็นหลักของการใช้ SEO คือการช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับสูงขึ้นในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERPs) ซึ่งหมายความว่าเมื่อผู้คนค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ เว็บไซต์ของคุณจะมีแนวโน้มที่จะปรากฏในผลลัพธ์ ซึ่งจะนำไปสู่การเข้าชมและผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้น

วิธีการที่จะทำให้ SEO สามารถช่วยธุรกิจของคุณได้

1.เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ SEO สามารถช่วยให้คุณดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นโดยทำให้มองเห็นได้มากขึ้นในผลการค้นหา ซึ่งหมายความว่าเมื่อผู้คนกำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คล้ายกับของคุณ พวกเขามีแนวโน้มที่จะพบเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น

2.ปรับปรุงการสร้างโอกาสในการขาย SEO สามารถช่วยให้คุณสร้างโอกาสในการขายได้มากขึ้นโดยดึงดูดผู้เยี่ยมชมที่สนใจในสิ่งที่คุณนำเสนออยู่แล้ว เมื่อผู้คนเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณหลังจากค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้อง พวกเขาเข้าใกล้การเป็นลูกค้าไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว

3.เพิ่มยอดขาย SEO สามารถช่วยคุณเพิ่มยอดขายโดยเพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณและเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งหมายความว่าคุณจะมีโอกาสมากขึ้นในการเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้เป็นลูกค้า

4.สร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ SEO สามารถช่วยให้คุณสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์โดยทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหามากขึ้น เมื่อผู้คนเห็นเว็บไซต์ของคุณซ้ำๆ ในผลการค้นหา พวกเขาจะเริ่มรู้จักแบรนด์ของคุณและคุ้นเคยกับสิ่งที่คุณนำเสนอมากขึ้น

โดยรวมแล้ว SEO เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สามารถช่วยคุณปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณ เพิ่มโอกาสในการขาย และเพิ่มยอดขาย หากคุณจริงจังกับการขยายธุรกิจออนไลน์ SEO คือการลงทุนที่จำเป็น

ประโยชน์เพิ่มเติมบางประการของการใช้ SEO

-ปรับปรุงการใช้งานเว็บไซต์

 SEO สามารถช่วยคุณปรับปรุงการใช้งานเว็บไซต์ของคุณโดยทำให้เป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหามากขึ้น ซึ่งหมายความว่าผู้คนจะสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น

-เพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

 SEO สามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณได้ด้วยการทำให้มองเห็นได้มากขึ้นในผลการค้นหา เมื่อผู้คนเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับสูงสำหรับคำหลักที่เกี่ยวข้อง พวกเขามีแนวโน้มที่จะไว้วางใจว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

-ประหยัดต้นทุน

 SEO เป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนในการทำตลาดธุรกิจของคุณทางออนไลน์ คุณจะจ่ายเฉพาะเมื่อมีคนคลิกลิงก์เว็บไซต์ของคุณเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถติดตาม ROI ของคุณและรับรองว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนของคุณ

หากคุณกำลังมองหาวิธีปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณและเพิ่มการเข้าชมออนไลน์ SEO เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ด้วยกลยุทธ์ SEO ที่ดำเนินการอย่างดี คุณจะสามารถเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้มากขึ้นและทำให้ธุรกิจของคุณเติบโต

5 เทคนิคในการทำ SEO สำหรับเว็บไซต์และช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ

สำหรับใครที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองหรือกำลังดูแลเว็บไซต์ให้กับแบรนด์อยู่ก็ต่างต้องการเว็บไซต์ของเราขึ้นอยู่อันดับต้น ๆ ของการค้นหาบน Google วันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับต้น ๆ ของการค้นหาเพื่อทำให้มีคนเข้ามาเยอะขึ้นและมีโอกาสขายของได้มากขึ้น จะมีเทคนิคอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย

1.คอนเทนต์มีคุณภาพ (Quality Contents)

สิ่งสำคัญที่สุด คือ เว็บไซต์ของคุณจะต้องมีคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และยิ่งเป็นคอนเทนต์ที่มีความสดใหม่ก็ยิ่งดี ผู้คนส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบคอนเทนต์ที่มีรูปภาพ และ Info-graphic ประกอบเพราะน่าอ่านและทำความเข้าใจง่าย นอกจากนี้การอัปโหลดคอนเทนต์ลงในบล็อกก็ช่วยเพิ่มคะแนนของเว็บไซต์หลักด้วย

2.ใช้ social media เพื่อโปรโมทเว็บไซต์

การทำให้คอนเทนต์จากเว็บไซต์ขึ้นฟีดบน social media อย่างสม่ำเสมอ สามารถทำให้อันดับเว็บไซต์ของเราดีขึ้นได้ด้วย อย่างแรกเราต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร เพื่อหาช่องทางที่เหมาะสมในการสื่อสารกับลูกค้า  

การจ้าง Influencer หรือ คนดังที่มีผู้ติดตามเยอะ ๆ ช่วยโปรโมทเว็บไซต์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

3.สร้างเว็บไซต์ที่เป็น Mobile Friendly

เราควรออกแบบเว็บไซต์ที่สามารถรองรับอุปกรณ์ได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ แท็บเล็ต และเดสก์ท็อปปัจจุบันผู้คนนิยมค้นหาข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก ดังนั้นหากต้องการให้อันดับเว็บไซต์ดีขึ้น ควรสร้างเว็บให้มีความเป็นมิตรกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟน 

4.การเลือกใช้คีย์เวิร์ด

คีย์เวิร์ดเป็นสิ่งที่สำคัญมากของการทำเว็บไซต์ เพราะการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ จะช่วยเพิ่มโอกาสที่ผู้คนจะค้นหาแล้วเข้ามาเจอเว็บไซต์ของเราง่ายขึ้น สำหรับเว็บไซต์ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานควรใช้คีย์เวิร์ดที่มีจำนวนการค้นหาสูงแต่มีคู่แข่งน้อย ซึ่งทาง Google ก็มีตัวช่วยในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด อย่าง google keyword planner สามารถใช้งานฟรีเพื่อช่วยให้เราเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม 

5.ใส่ลิงก์เพื่อเพิ่มจำนวนการกดคลิก

เว็บไซต์ที่มีการลิงค์เนื้อหาภายในเว็บไซต์ไปยังเว็บไซต์อื่น รวมถึงมีการลิงก์จากเว็บอื่นมาที่เว็บไซต์ของคุณ มักจะได้รับคะแนนเว็บไซต์มาก ดังนั้นจึงควรแทรกลิงก์ไว้ในบทความ จะเป็นการแทรกลิงก์สินค้าไปยังหน้ารายละเอียดโปรโมชั่นก็ได้

ในยุคปัจจุบันนี้ผู้คนสามารถค้นหาทุกอย่างได้บนโลกออนไลน์ การสร้างเว็บไซต์จึงเป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับธุรกิจ  แต่การมีเว็บไซต์นั้นยังไม่พอ ต้องมีคนเข้าชมเว็บไซต์ด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาเทคนิคในการทำ SEO ที่ดีให้กับเว็บไซต์อยู่ อย่าลืมนำ 5 เทคนิคที่เรานำมาฝากไปใช้ดูนะคะ

5 เรื่องที่ห้ามทำหากอยากทำ SEO ให้สำเร็จ

การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เน้นแค่เพิ่มปริมาณโดยไม่พิจารณาถึงกลยุทธ์ที่ถูกต้อง เพราะในความเป็นจริงแล้ว การทำ SEO ให้ได้ผลดีมีเรื่องที่ควรใส่ใจอยู่ไม่น้อย หลายอย่างเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่บางอย่างกลับเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เจ้าของธุรกิจที่เพิ่มลำดับการค้นหาบนโลกออนไลน์ให้ธุรกิจของตัวเองต้องรู้ว่าการตลาดแบบไหนที่ไม่ควรทำ เพราะทำแล้วนอกจากจะไม่สร้างประโยชน์อะไร ยังอาจส่งผลให้ถูกแบนจากผลการค้นหาอีกด้วย

  1. อย่ายัดเยียดคีย์เวิร์ด

การทำ SEO ต้องมีการศึกษาเรื่องคีย์เวิร์ดที่มีคุณภาพ เลือกคำที่ใช้อย่างชาญฉลาด และเชื่อมโยงกับเนื้อหาทางธุรกิจอย่างสมเหตุสมผล ไม่ใช่ยัดเยียดคีย์เวิร์ดเข้าไปในเนื้อหาที่ไม่มีความเกี่ยวข้องหรือยัดเยียดคำมากจนเกินไป จนทำให้ภาพลักษณ์ต่อแบรนด์ในมุมมองของลูกค้าไม่น่าเชื่อถือ สิ่งที่ควรทำคือสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ตอบคำถามของลูกค้าและแทรกคำค้นหาเข้าไปอย่างสม่ำเสมอ

  1. อย่าทำลิงก์มาจากภายนอกเว็บไซต์เท่านั้น

หลายคนอาจคิดว่าการทำ Off-page SEO ซึ่งหมายถึงการมีเว็บไซต์ภายนอกลิงก์มายังเว็บไซต์ของธุรกิจเป็นสิ่งที่ดี จึงเน้นการตลาดออนไลน์ไปแค่จุดนั้นเพียงอย่างเดียว จนทำให้เนื้อหาภายในเว็บไซต์ขาดมิติที่น่าสนใจไปไม่น้อย ถ้าอยากให้เว็บไซต์ดีและติดอันดับการค้นหา การทำ On-page SEO ด้วยการสร้าง Internal Links ภายในเว็บจัดเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน

  1. อย่าทำ Backlink มาแค่ที่ Homepage

แน่นอนว่าการทำลิงก์มาที่เว็บของธุรกิจเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน แต่การจะทำ Backlink กลับมาที่เนื้อหาควรคำนึงถึงสิ่งที่คนกดเข้ามาดูในเว็บด้วย ลูกค้าควรเข้ามาเจอเนื้อหาที่เขาสนใจและสามารถตอบเรื่องคาใจของลูกค้าได้ ไม่ใช่กดเข้ามาเจอหน้า Homepage แล้วต้องไปค้นหาส่วนที่สนใจเอาเอง แบบนี้ลูกค้าจะส่ายหน้าและกดออกจากเว็บไซต์ก่อนที่จะตกลงซื้อสินค้าหรือบริการของเรา

  1. ห้ามละเลยการมีส่วนร่วมของผู้ชมเว็บไซต์

หากอยากชนะใจลูกค้าต้องทำความเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร และศึกษาว่าลูกค้าจะใช้ช่องทางไหนในการหาสิ่งที่พวกเขาต้องการ ดังนั้นต้องใส่ใจว่าลูกค้ากำลังค้นหาอะไร แล้วธุรกิจของเราสามารถตอบโจทย์อะไรให้กลุ่มคนเหล่านั้นได้บ้าง และปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการ เพื่อยืดเวลาการใช้งานของผู้ชมในเว็บไซต์ให้มากขึ้น สิ่งนี้จะทำให้ลูกค้าอยากสนับสนุนแบรนด์มากขึ้น

  1. อย่าเลือกใช้ Black Hat SEO หรือ SEO สายดำในการเพิ่มอันดับเว็บไซต์

การเลือกใช้ SEO สายดำคือการหาประโยชน์จากช่องโหว่ของเสิร์ชเอ็นจิ้นและทำสิ่งที่ฝ่าฝืนข้อห้ามของ Google เช่น การทำลิงก์ที่เป็นสแปม การใส่คีย์เวิร์ดแบบไม่เป็นธรรมชาติ การคัดลอกงานของผู้อื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ได้ผลลัพธ์เชิงปริมาณอย่างรวดเร็ว แต่อาจจะโดนตรวจสอบและถูก Google ลงโทษ หากไม่รุนแรงอาจเป็นการลดอันดับการค้นหาหรืออาจจะถูกนำออกไปจากผลการค้นหาในทันทีเลย 

ทั้งหมดนี้คือ 5 สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหากต้องการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ หวังว่าผู้ที่สนใจการตลาดออนไลน์ทุกคนจะระวังข้อห้ามเหล่านี้และไม่เผลอใช้ในธุรกิจของตนเอง เพราะภาพลักษณ์ที่เสียไปแล้วในสายตาลูกค้า การจะกู้คืนมาต้องใช้เวลานานมากหรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว ดังนั้นเลือกทำตามขั้นตอน SEO ที่ถูกต้องจะได้ผลลัพธ์ในระยะยาวดีกว่า ถึงจะใช้เวลานาน แต่สามารถมั่นใจถึงคุณภาพของงานได้อย่างแน่นอน

เทคนิคพัฒนา SEO ที่ทำให้ Google ชอบเว็บของคุณ

การพัฒนา SEO อย่างมีประสิทธิภาพต้องคำนึงถึงคุณภาพของเนื้อหาและเคารพความต้องการของลูกค้าเป็นหลักอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม มีอีกตัวแปรหนึ่งที่สำคัญกับการทำ SEO เป็นอย่างมาก คือการทำ SEO ให้สอดคล้องกับความต้องการของ Google เพื่อให้เว็บมีคุณภาพสูงและสุดท้ายจะได้ปรากฏในผลการค้นหาเป็นลำดับต้น ๆ ในที่สุด หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วจะทำยังไงดีให้ Google ชื่นชอบเว็บธุรกิจที่เราต้องการโปรโมท วันนี้จึงมีเทคนิคที่ไม่ยากเกินไป ทำได้ในทุกเว็บไซต์มานำเสนอ

  1. ต้องมั่นใจว่าเว็บโหลดได้เร็ว

ความเร็วของเว็บไซต์มีผลต่อการวัดผลโดย Google เป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่มีผลต่อความประทับใจที่ผู้ใช้งานมีต่อเว็บไซต์ ดังนั้นต้องทำทุกวิถีทางให้หน้าเว็บโหลดได้เร็ว โดยสามารถทำได้หลายวิธีการ เช่น ใช้รูปภาพที่มีขนาดเหมาะสม ไม่ใหญ่เกินไป ใช้ Client Caching เพื่อให้บราวเซอร์ของผู้ใช้งานจดจำข้อมูลบางอย่างของหน้าเพจไว้ เมื่อเปิดใช้งานครั้งต่อไป จะได้ไม่ต้องโหลดใหม่ตั้งแต่ต้น 

  1. เปลี่ยนชื่อของรูปให้สอดคล้องกับคีย์เวิร์ด

อย่าใส่รูปที่ตั้งชื่อแบบไม่มีระบบเอาไว้ในเว็บไซต์โดยเด็ดขาด อย่าลืมเปลี่ยนชื่อ โดยใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการลงในไฟล์รูปภาพด้วย สิ่งนี้จะทำให้ Google เข้าใจว่าภาพนี้เกี่ยวกับอะไร และมีโอกาสที่จะขึ้นแนะนำภาพบนหน้าของการคนหา จึงเป็นผลดีต่อการทำ SEO โดยตรง

  1. แก้ไข URL ให้สามารถอ่านเข้าใจได้

URL นับว่าเป็นที่อยู่ของเว็บไซต์บนโลกออนไลน์ อย่าปล่อยให้ซอฟแวร์สร้าง URL อัตโนมัติเป็นอันขาด เพราะส่วนใหญ่มักจะสร้างเป็นรหัสตัวเลขที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้ Google จึงไม่ชอบ URL ที่มีลักษณะแบบนี้ ดังนั้นต้องเปลี่ยน URL ให้สอดคล้องกับเนื้อหา โดยทำให้สั้นและกระชับ เข้าใจง่าย เมื่อนำลิงค์ไปแปะที่ไหนจะได้ดูน่าเชื่อถือ และมีผู้ใช้สนใจกดเข้ามาอ่าน

  1. ใส่ Meta Description 

Meta Description เป็นข้อความส่วนที่อธิบายเนื้อหาเกี่ยวกับหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ โดยจะปรากฏอยู่ใต้หัวข้อในผลลัพธ์การค้นหาของ Google ซึ่ง Meta Description ที่ดีควรประกอบไปด้วยคีย์เวิร์ดของเนื้อหา และมีความยาวประมาณ 150 ตัวอักษร ต้องเขียนให้น่าดึงดูดใจ คนอ่านจะรู้สึกอยากกดเข้ามาดูเนื้อหาเต็มบนหน้าเพจ

  1. สร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ

การมี Backlink ที่ดีเหมือนเป็นการสร้างคอนเน็กชั่นที่มีประสิทธิภาพขึ้นมาบนโลกออนไลน์นั่นเอง ยิ่ง Backlink มีคุณภาพ จะยิ่งทำให้เพิ่มความน่าเชื่อถือ สร้างความน่าสนใจในระบบของ Google มากขึ้น เพราะ Google จะคิดว่ามีคนจำนวนมากกำลังพูดถึงเว็บไซต์ของเรา จึงทำให้ Google อยากดันอันดับขึ้นมาในผลการค้นหานั่นเอง

ทั้งหมดนี้คือแนวทางการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ถูกใจ Google ซึ่งจะยกระดับคุณภาพของเว็บได้อย่างสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตาม Google เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งทางออนไลน์ แน่นอนว่ามันสามารถสร้างผลลัพธ์ทางการค้นหาที่ดีขึ้นมาได้ แต่อย่าลืมว่าผู้ใช้งานต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินว่าหน้าเพจธุรกิจของเรามีคุณภาพหรือไม่ ดังนั้นนอกจากจะใส่ใจวิธีการทางเทคนิคให้ตรงกับมาตรฐานของ Google แล้ว ต้องหมั่นสร้างเนื้อหาที่ดีเพื่อดึงดูดการใช้งานของลูกค้าในระยะยาวด้วย

รวบมาหมด ประโยชน์ของ SEO สำหรับการสร้างธุรกิจออนไลน์

ใครที่อยากทำธุรกิจแบบออนไลน์ แต่ไม่อยากที่จะใช้งบประมาณในการทำการตลาดที่สูง การมองหาแนวทางที่เป็นออร์แกนิก แต่ช่วยในเรื่องของการทำการตลาดในอีกรูปแบบหนึ่งได้เช่นกันอย่างการทำ SEO จึงเป็นทางเลือกที่ไม่ควรพลาด ลองไปดูกันว่าประโยชน์ของ SEO บ้างแล้วทำไมจึงต้องทำ SEO ในยุคออนไลน์แบบนี้

ข้อดีของการทำ SEO เพื่อธุรกิจออนไลน์ 

  • ทำให้มีโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้มากขึ้น ถ้าหากว่าเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งทางการค้ามากมายก็สามารถที่จะมีโอกาสได้เปรียบคู่แข่งมากกว่าด้วยอันดับของเว็บไซต์ที่เอื้อต่อการเข้าไปกดคลิกชมหน้าเว็บไซต์ โดยผู้คนส่วนใหญ่แล้วก็จะมีการเลือกค้นหาหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการอยู่เพียงไม่กี่หน้าเท่านั้น ไม่ได้เลือกค้นหาไปหลายสิบหน้า ดังนั้นการทำ SEO จึงมีประโยชน์แบบสุด ๆ
  • มีความคุ้มค่ามากกว่าการนำเว็บไซต์ไปโฆษณาในหน้าเว็บต่าง ๆ โดยการทำ SEO ที่ประสบความสำเร็จ มีวิธีการทำอย่างถูกต้อง ก็จะเปรียบเสมือนการที่เว็บไซต์ได้รับการโปรโมทอยู่เสมอ ๆ ในหน้าแรก ๆ ของการค้นหาแบบที่ไม่ต้องซื้อพื้นที่ในหน้าการค้นหาเพื่อการโฆษณาเว็บไซต์ในทุก ๆ วัน เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วการทำ SEO จึงเป็นวิธีการที่ดีและคุ้มค่ามาก
  • ช่วยเสริมภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ให้โดดเด่นมากขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยที่ว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีการปรากฏอยู่ในหน้าการค้นหาหน้าแรก ๆ ก็มักจะมีผู้คนให้ความสนใจในจำนวนที่มากกว่า กลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มของผู้บริโภคที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการอยู่ก็จะเกิดความรู้สึกว่าเว็บไซต์ในอันดับต้น ๆ มีความน่าเชื่อถือ น่าจะมีข้อมูลที่ดีที่ตนเองได้กำลังตามหาอยู่จากการกดค้นหาจากคีย์เวิร์ดนั่นเอง 
  • ช่วยพัฒนาเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากการทำ SEO จะประกอบไปด้วยหลากหลายองค์ประกอบด้วยกัน ซึ่งเป็นโครงสร้างภายในเว็บไซต์ ที่จะมีการปรับปรุงให้เป็นประโยชน์กับผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ต้องการมาหาข้อมูลในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด มีการพัฒนาส่วนต่าง ๆ ทั้งเนื้อหา คีย์เวิร์ด และอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อให้สอดคล้องกับคำค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย จึงทำให้เว็บไซต์ที่ทำ SEO อย่างถูกต้องนั้นเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและเหมาะสำหรับผู้ชมเว็บไซต์จริง ๆ

จากข้อมูลข้างต้นจะพบว่าประโยชน์และข้อดีของการทำ SEO นั้นมีเยอะมาก บางอย่างเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจก็อาจมองไม่เห็น ทั้งช่วยส่งเสริมธุรกิจทางอ้อมและทางตรง ใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจ เจ้าของเว็บไซต์ที่มีความต้องการอยากวางรากฐานด้านออนไลน์ให้มีความมั่นคงมากขึ้นแล้วล่ะก็ SEO คือหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนธุรกิจและเว็บไซต์ของคุณให้ไปข้างหน้า

รวมกลเม็ดการทำ SEO ที่ถูกต้องเพื่อตอบโจทย์การเติบโตของเว็บไซต์

เมื่อพูดถึงวิธีการที่ดีสำหรับเว็บไซต์ เป็นวิธีการสำหรับการขยายตลาด เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างโอกาสในการขายและทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงวิธีการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization อย่างแน่นอน เนื่องด้วยเป็นวิธีการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้เว็บไซต์นั้น ๆ พัฒนาไปสู่การเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้าชม โดยจะมีวิธีอะไรที่เป็นกลเม็ดที่น่าสนใจบ้างนั้นตามไปดูกัน

  • ภายในเว็บไซต์จะต้องมีรูปแบบที่ส่วนงาม น่าสนใจดึงดูดผู้เข้าชม ไม่ใช่แต่เพียงรูปแบบของเว็บไซต์ที่นำเสนอผ่านการเข้าเว็บไซต์ด้วยคอมพิวเตอร์เท่านั้นแต่ยังต้องมีการปรับรูปแบบเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมสำหรับการเข้าดูเว็บไซต์ผ่านจอมือถือด้วย เนื่องด้วยในทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากมักมีการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองสนใจผ่านโทรศัพท์มือถือเพราะมีความง่าย รวดเร็วและสะดวกสบาย ใช้ได้ในทุกที่ทุกเวลาผ่านช่องทางออนไลน์เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
  • ในเว็บไซต์ควรจะมีเนื้อหาที่เป็นเนื้อหาที่สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม เป็นเนื้อหาที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้ามารับชมจริง ๆ ในส่วนของข้อมูลที่นำมาลงในเว็บไซต์เป็นบทความควรจะมีการเขียนขึ้นมาใหม่สามารถอ้างอิงข้อมูลสำคัญจากแหล่งต่าง ๆ ได้แต่ไม่ใช่การคัดลอกมาจากต้นฉบับ เพราะจะทำให้เนื้อหานั้น ๆ กลายเป็นเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการทำ SEO อย่างแน่นอน ซึ่งรูปแบบของการเขียนบทความ SEO ก็จะมีความแตกต่างจากบทความทั่วไป โดยจะมีรายละเอียด การวางคีย์เวิร์ด ความถี่ในการใส่คีย์เวิร์ด การกระจายคีย์เวิร์ดและอื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าหากเจ้าของเว็บไซต์มีความเข้าใจในส่วนนี้เป็นอย่างดีก็จะเพิ่มโอกาสในการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 
  • เลือกคีย์เวิร์ดที่มีจำนวนการค้นหาที่สูง ข้อนี้มีความสำคัญมากเพราะคีย์เวิร์ดเป็นเหมือนกุญแจที่จะนำให้ทุกคนสามารถเข้ามาค้นเจอเว็บไซต์ได้ ดังนั้นเจ้าของเว็บไซต์ควรที่จะทำการวิจัยและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่จะนำมาใช้อย่างเหมาะสมเพื่อก่อให้เกิดคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำ SEO ที่ดี
  • มีเครือข่ายของลิงก์จากเว็บไซต์ภายนอกที่มีความน่าเชื่อถือที่มีการอ้างอิงมาที่เว็บไซต์ของทางแบรนด์ ในส่วนนี้ก็จะช่วยทำให้เว็บไซต์มีเครดิตและส่งผลต่อการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าวิธีการทำ SEO มีหลากหลายขั้นตอน มีหลายองค์ประกอบ โดยในแต่ละส่วนนั้นสามารถที่จะนำมาแยกย่อยและพัฒนาได้อีกมากมาย ถ้าใครที่เป็นมือใหม่ในการทำเว็บไซต์สามารถที่จะศึกษาหาข้อมูลในการทำ SEO เพิ่มเติม ฝึกอบรมการทำเว็บไซต์หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์เพื่อตอบโจทย์การทำ SEO สำหรับเว็บไซต์ของคุณได้ตามสะดวก บอกเลยว่ามีความคุ้มค่าอย่างแน่นอน