SEO และ SEM ต่างกัน ควรโฟกัสแบบไหนให้ตอบโจทย์ที่สุด

เทคนิคการทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับแรกของผลการค้นหาใน Google ด้วยปรับแต่งปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อกับจัดอันดับโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา แตกต่างจาก SEM (Search Engine Marketing) ซึ่งเป็นการทำการตลาดแบบลงโฆษณาและเสียเงินตามจำนวนคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ มาดูกันเลือกแบบไหนคุ้มค่าและตอบโจทย์คุณที่สุด

เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของ SEO และ SEM

การทำงานของ SEO มีข้อดีคือการทำตลาดแบบธรรมชาติ ไม่ต้องเสียค่าคลิกโฆษณาเข้าสู่เว็บไซต์ ไม่ว่าคนจะคลิกเข้ามากเท่าไรก็ไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา ข้อเสียคือต้องอาศัยมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาปรับแต่ง SEO อย่างต่อเนื่องและใช้เวลานานกว่าที่จะไต่อันดับขึ้นมาหน้าแรกจึงจะได้รับการจัดอันดับดีขึ้น ถ้าพูดถึงความคุ้มค่าต่อการลงทุน การทำ SEO จะช่วยเพิ่มยอดขายต่อเนื่องในระยะยาว วิธีการทำตลาดแบบธรรมชาติคือการปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ให้สวยงามใช้งานง่าย เนื้อหาบทความมีคุณภาพ ให้ประโยชน์กับผู้อ่าน เครื่องมือค้นหาได้ง่าย และรองรับการใช้งานบนสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ปัจจัยการจัดอันดับของ Google จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ต้องปรับปรุงเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้อันดับตกต่ำลง ถ้าหยุดทำ SEO เมื่อไรอันดับก็จะตกลงเช่นเดียวกัน

การทำงานของ SEM คือการลงโฆษณาผ่านระบบ Google Ads ต้องประมูลคีย์เวิร์ดเพื่อให้โฆษณาแสดงผลการค้นหาบนหน้าแรก โดยจะมีค่าโฆษณาตามจำนวนคลิกเข้าเว็บไซต์ ซึ่งหมายความว่าคุณจะจ่ายค่าโฆษณาเมื่อมีการคลิกเกิดขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดคีย์เวิร์ดที่ต้องการลงโฆษณาด้วยตัวเอง ทั้งยังเปลี่ยนคีย์เวิร์ดใหม่และเพิ่มจำนวนคีย์เวิร์ดได้เองอีกด้วย ผลลัพธ์ที่ได้คือโฆษณาจะขึ้นแสดงผลบนหน้า Google รวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง หากต้องการเพิ่มจำนวนคลิกเข้าเว็บไซต์ต้องเพิ่มงบโฆษณามากขึ้น ข้อดีอีกอย่างของ SEM คือการประมูลคีย์เวิร์ดนั้นกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้เฉพาะเจาะจงมากกว่า ระบุเพศ อายุ จังหวัด ที่ต้องการได้ แต่การซื้อโฆษณาเป็นระบบประมูล ถ้าคู่แข่งเพิ่มราคาทำให้ต้องเสียเงินค่าคลิกแพงขึ้น ไม่เช่นนั้นอันดับการแสดงผลการค้นหาบน Google จะลดลง หรือหยุดจ่ายค่าโฆษณาเมื่อไรเว็บไซต์จะไม่แสดงผลบน Google

ถึงตอนนี้คงพอเข้าใจความแตกต่างระหว่าง SEO และ SEM แล้ว ในกรณีที่ต้องการให้โฆษณาบน Google ประสบความสำเร็จมากที่สุดควรทำกลยุทธ์ SEO และ SEM สนับสนุนกันและกัน หากธุรกิจของคุณมีเงินทุนไม่มากพอแนะนำให้พิจารณาเลือกใช้วิธีการแบบใดแบบหนึ่งไหนที่ตอบโจทย์ธุรกิจมากที่สุด แต่ถ้ามีงบประมาณพอสำหรับการทำ SEO และ SEM ควบคู่กันและหาทางใช้ประโยชน์จากทั้งสองช่องทาง เช่น วิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพจากโฆษณาบน SEM นำมาใช้ประโยชน์ในการทำ SEO ได้ ขณะเดียวกันก็ใช้คำค้นหาจาก SEO ไปใช้ในการทำ SEM ได้เหมือนกัน วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ได้ดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น

จะใช้งบประมาณที่มีอยู่ทำ SEO หรือ SEM ดีกว่ากัน

การตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน มีการแข่งขันกันสูงเพื่อให้ได้อันดับต้น ๆ Top 5 หรือ Top10 ในการนำเสนอบนหน้าต่างการสืบค้นของ Google, Bing และ Yahoo ทำให้ได้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมในเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องและทำให้มียอดขายที่สูงขึ้น ทั้งเทคนิค SEO และ SEM ต่างเป็นวิธีการตลาดออนไลน์ยุคใหม่ที่มีการนิยมใช้อย่างมาก แต่หากมีงบประมาณที่จำกัดก็ทำให้หลายคนเกิดความลังเลใจว่าควรจะเลือกทำสิ่งใดดี

ในบทความนี้ เราจึงได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ SEO และ SEM เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นมาฝากกัน ดังนี้

1. SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการทำการตลาดออนไลน์แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ Search Engine โดยเน้นที่การสร้างเว็บไซต์ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่ Google, Bing และ Yahoo วางไว้ ทั้งด้านเนื้อหา รูปภาพประกอบ และสื่อมัลติมีเดียที่ช่วยให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเข้ามาชมในเว็บไซต์ ดังนั้น ต้องคำนึงถึงความทันสมัย ไม่มีการคัดลอกจากที่อื่น มีแหล่งอ้างอิงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น

นอกจากนี้ การทำเว็บไซต์ SEO ให้ใช้งานได้ง่าย ทั้งบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ส่วนการทำเชื่อมโยง Link ไปสู่เว็บไซต์อื่น ๆ เช่น ห้องแชทที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อที่คุณจะได้แนะนำเว็บไซต์ของคุณ ก็เป็นเทคนิคที่นักธุรกิจเว็บไซต์ออนไลน์ยุคใหม่นิยมทำกัน หากคุณมีทักษะทำ SEO เอง ก็ไม่ต้องจ้างทีมงาน หรืออาจเลือกจ้างมืออาชีพในงานที่คุณไม่ถนัด เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายแต่ได้ผลงานที่ดีน่าพอใจได้

2. SEM หรือ Search Engine Marketing จะเป็นการประมูลพื้นที่เพื่อโฆษณาเว็บไซต์ของคุณในอันดับ 1-5 ของหน้าต่างการสืบค้น ทำให้มีโอกาสได้รับการคลิกเข้ามาชมและเลือกซื้อสินค้าอย่างเห็นผลในทันที ซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นหากคุณใช้ keyword ตรงกับคู่แข่งทางการค้าและเมื่อมีการคลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณผ่านลิงก์โฆษณา คุณก็จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะซื้อสินค้าหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเรียกว่าค่าใช้จ่ายแบบ Pay Per Clickประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ SEO และ SEM

การทำ SEM จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำนวนมาก หรือจะใช้งบประมาณเป็นครั้ง ๆ ตามแผน เพื่อที่จะสนับสนุนโปรโมชั่นหรือกระตุ้นยอดขายเป็นช่วง ๆ ก็จะเห็นผลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่า หากคุณมีงบประมาณที่จำกัดการเลือกแนวทางประชาสัมพันธ์เว็บไซต์แบบ SEO หรือ SEM ต้องขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้า เป้าหมายทางธุรกิจ และจังหวะของแผนธุรกิจ เช่น ช่วงต้น กลาง และปลายปี ที่จะมีโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายต่างกัน ซึ่งหากทำควบคู่กันได้ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น คุณอาจปรึกษาผู้ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงในการทำ SEO และ SEM ก็จะได้คำตอบหรือแนวคิดที่ดียิ่งขึ้น

4 เรื่องต้องรู้ของ SEO และ SEM

ปัจจุบันมีหลายบริษัทรับจ้างทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจขายสินค้าและบริการทางหน้าเว็บไซต์ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่ในการเลือกระหว่าง SEO และ SEM และนี่คือ 4 เรื่องที่ควรทราบเพื่อการวิเคราะห์เลือกการประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจคุณ

เรื่องต้องรู้ของ SEO และ SEM

1. SEO ต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์จากยอดขายหรืออันดับสืบค้นที่สูงขึ้นเป็น top five หรือ top ten เนื่องจากระบบอัลกอริทึ่มของ search engine อย่างกูเกิ้ล ยาฮู บิง ต้องประมวลผลจากดาต้าที่สะสมในฐานข้อมูล แตกต่างจาก SEM ที่สามารถขึ้นอันดับสูง 1-3 ได้ทันทีหลังการจ้างทำโฆษณา

2. การทำ SEO ไม่สามารถการันตีได้ว่าผลลัพธ์ด้านรายได้จะเห็นผลคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนจ้างบริษัทเอกชนทำ SEO เนื่องจากต้องใช้เวลาและต้องแข่งกับเจ้าของสินค้าและผลิตภัณฑ์คู่แข่งอื่นที่ทำทั้ง SEO และ SEM ส่วนการจ้างทำ SEM จะสามารถคาดได้ง่ายกว่าว่าลงทุนจ้างทำ SEM วันนี้กี่บาท จะมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กี่คนต่อชั่วโมงและจะมีการตอบกลับเชิงบวกหรือเกิดการซื้อสินค้าและบริการเป็นยอดรายได้และกำไรคิดเป็นกี่เท่าจากการลงทุนจ้างทำ SEM

3. คนส่วนใหญ่ชอบดูการโฆษณาที่มีเนื้อหาใกล้ชิดหรือสอดคล้องกับวิถีชีวิตของตัวเอง ซึ่งเป็นแนวทางในการทำ SEM ให้ประสบความสำเร็จ ดังนั้นการจ้างบริษัทเอกชนที่มีประสบการณ์ด้านงานโฆษณาและมีไอเดียแปลกใหม่ในการทำ SEM ก็มักจะได้ผลสำเร็จที่ดี เป็นที่เตะตากลุ่มคนทั่วไป รวมถึงกลุ่มคนเป้าหมายให้เข้ามาซื้อสินค้าและบริการได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็ต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการลงทุนเป็นเม็ดเงินด้วย ขณะที่การทำ SEO สามารถเรียนรู้และทำได้ด้วยตัวเองไปเรื่อย ๆ หรือหากต้องการกูรูมืออาชีพก็สามารถจ้างทำ SEO ในระยะแรก แล้วศึกษาด้วยตัวเองควบคู่กันไป เพื่อในระยะยาวเจ้าของเว็บไซต์จะได้ดูแลด้วยตัวเองและปรับแต่งส่วนต่าง ๆ แก้จุดอ่อนเสริมจุดแข็งเองได้

4. การทำ SEO และ SEM ต่างต้องมีคีย์เวิร์ดที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาข้อมูลผ่าน search engine แต่สิ่งที่ต่างกันคือ SEM มักมีการวิจัยตลาดที่เข้มข้นกว่าเพื่อจับประเด็นมาทำโฆษณาที่ตรงใจ แต่หากการวิจัยคีย์เวิร์ดพบว่าคำสืบค้นมีการเปลี่ยนความนิยมไปจากเดิม ตามเทรนด์หรือกระแสแฟชั่น งาน SEM ก็มีความยืดหยุ่นและรวดเร็วในการปรับเปลี่ยนคีย์เวิร์ดในการโฆษณาสูงกว่า SEO และจะเห็นผลลัพธ์ที่ตามมาจากการเปลี่ยนคีย์เวิร์ดเร็วกว่า SEO

ต้องรู้ของ SEO และ SEM

หวังว่าทั้ง 4 ข้อข้างต้นที่นำเสนอไป จะเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์และเลือกจ้างบริษัทที่มีประสบการณ์ในการทำ SEO และ SEM เพื่อให้ธุรกิจคุณเติบโตได้อย่างงดงามในโลกออนไลน์ต่อไป