ความสำคัญของ Meta Tags บนหน้า SERP

ถ้าเรายังไม่เคยได้ศึกษา SEO อย่างละเอียด อาจจะไม่รู้ว่า Meta Tags คืออะไร มันคือ Tags ภาษา HTML ทั่วไปนี่แหละ ไม่ได้เป็นศัพท์เฉพาะในทาง SEO เลย และมักจะถูกใส่ไว้อยู่ในระหว่างแท็ก Head ด้านบนของเว็บ แต่ที่เราต้องมาทำความรู้จักกันสักหน่อย เพราะมันค่อนข้างสำคัญไม่น้อยในเรื่องของการทำ SEO ตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน มันจะเป็นสิ่งที่ไว้แสดงผลให้ผู้ที่กำลังค้นหาข้อมูลได้เห็นบน SERP เราอยากจะให้ข้อมูลเว็บเราโชว์ข้อความแบบไหนก็สามารถปรับแต่งได้ เพื่อที่จะให้ดูน่าสนใจและชวนให้ผู้ใช้คลิกเข้ามาดูยังเว็บไซต์ของเรานั่นเอง

โดยปกติแล้ว เวลาเราค้นหาข้อมูลผ่าน Web Search Engine Google เราจะพบข้อมูลของแต่ละเว็บไซต์ที่จะแบ่งออกได้ 3 ส่วนหลัก นั่นคือส่วนของข้อความสีน้ำเงิน จะเรียกส่วนนี้ว่า Title ของเว็บไซต์ และตามด้วยแถบตัวอักษรสีเขียวที่เป็น URL ของเว็บไซต์เรา และส่วนสุดท้ายคือข้อความสีดำ อาจยาวประมาณ 1-2 บรรทัด ส่วนนี้จะเรียกว่ารายละเอียดของเว็บไซต์ นอกจากนี้ บางเว็บไซต์อาจจะมีเมนูย่อยอื่นๆโผล่มาด้วย ซึ่งก็แล้วแต่ว่ากลไลโครงสร้างของหน้าเว็บจะถูกนำมาประมวลผลแบบไหน บางเว็บไซต์มีการสร้างตำแหน่งธุรกิจของตนเองไว้ใน Google Business ด้วย เวลาค้นหาในเรื่องที่เกี่ยวข้องของเว็บไซต์เหล่านั้น อาจจะเจอข้อมูลของเว็บในส่วนของแผนที่และเบอร์โทรติดต่อ ซึ่งจะเพิ่มความน่าสนใจเพิ่มขึ้นไปอีก

Meta Tags มีผลอย่างไรกับผู้ใช้งาน ?

เมื่อ Search Engine จับข้อมูลต่างๆของเว็บไซต์เรานำไปประมวลผลและจัดอันดับให้บนหน้าผลการค้นหา สิ่งที่จะเป็นข้อมูลที่ถูกนำไปแสดงผล ก็คือมันจะเข้ามาจับข้อมูลส่วนของ Title เว็บไซต์ และนำไปแสดงผลในส่วนของข้อความสีน้ำเงินบนหน้า SERP หากว่าเราเขียน Title ของเว็บไซต์ได้น่าสนใจ อย่างเช่นระหว่าง Title “หน้าขาว หน้าใส ราคาถูก ใช้ดีจริง” กับ “ครีมหน้าขาว เห็นผลใน 7 วัน คลิกสั่งซื้อเลย” เวลามีผู้ใช้งานค้นหาเจอเว็บไซต์ของเรา คิดว่าเขาจะสนใจคลิกอันไหนมากกว่ากัน.. ? บางทีต่อให้เราขึ้นติด Top 1 ของผลการค้นหา แต่เขียนไตเติ้ลเว็บไซต์ไม่น่าสนใจ เว็บไซต์ที่ติด Top 2 อาจจะมีคนเข้าเว็บเยอะกว่าเราก็เป็นได้ สำหรับ Title ถือเป็นส่วนสำคัญมาก ดังนั้นเราก็ควรจะเขียนให้ดูน่าสนใจชวนคลิกเข้าเว็บไซต์ แต่อย่าลืมเรื่องคีย์เวิร์ดด้วย ในไตเติ้ลควรจะมีคีย์เวิร์ดที่เราต้องการให้ติดอันดับไว้ด้วย หากเราขายอาหารเสริมเพศชายก็ควรมีคำว่าอาหารเสริมสําหรับผู้ชายปะปนอยู่ในไตเติ้ลของหน้าเว็บเพจนั้นๆ เพื่อให้การทำ SEO ง่ายขึ้น

ส่วนของ URL ก็จะมีความสำคัญอยู่บ้าง ระหว่างคนค้นหาเจอ URL แบบ aaa.com/?p=12 กับแบบ aaa.com/creambeauty อันหลังนี้ก็ย่อมให้ความน่าสนใจมากกว่า แถมยังส่งผลดีในเรื่อง SEO ด้วยถ้า URL มีคีย์เวิร์ดที่เราต้องการทำอันดับปนอยู่ ส่วนสุดท้ายที่สำคัญคือ Description หรือเนื้อหานั่นเอง หากเรามีการกำหนด Meta Tags Description ไว้ในส่วนของ Head ทางบอทของกูเกิ้ลเองก็จะมาเก็บข้อมูลส่วน Meta Tags Description นี้แหละไปแสดงผลในส่วนของรายละเอียดเว็บไซต์บนหน้า SERP หากอยากให้โชว์ข้อมูลแบบไหนที่หน้าผลการค้นหา เราสามารถใช้ Meta Tags นี้ช่วยได้ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจในการคลิกเข้ามายังเว็บไซต์แก่ผู้ใช้งาน

ความเปลี่ยนแปลงในอดีตถึงปัจจุบัน

เมื่อสมัยแรกๆที่ Google ได้ออกมาพูดให้ความสำคัญเรื่องของ Meta Tags ช่วงนั้นเว็บไหนใส่ Meta Tags ครบ ก็มักจะมีอันดับดีกว่าเว็บที่ไม่ได้ใส่ Meta Tags แต่เดี๋ยวนี้พฤติกรรมผู้ใช้ก็แปรเปลี่ยนไปบ้าง ระบบคำนวนอันดับก็ต้องเปลี่ยนแปลงตาม เรื่องของ Meta Tags อาจถูกลดความสำคัญไปบางส่วน แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม แบบเมื่อก่อน Meta Tags Keywords นักทำ SEO นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะเป็นตัวบ่งบอกว่าเว็บเราเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดไหน จนเกิดการสแปมคีย์เวิร์ดในแท็กนี้ ทำให้การให้คะแนนแท็กนี้ถูกลดความสำคัญลงอย่างมาก เรียกได้ว่า จะใส่หรือไม่ใส่ Meta Tags Keywords ผลก็ไม่ต่างกันมาก อีกเรื่องหนึ่งก็คือแท็ก Description ที่เดี๋ยวนี้ต่อให้เราระบุเนื้อหาไว้ในแท็กเรียบร้อยแล้ว บ่อยครั้งที่บอท Google เลือกที่จะเก็บข้อมูลเนื้อหาส่วนอื่นของเว็บเรามาแสดงผลแทน มักจะไปเอามาจากแท็ก Body ของเว็บไซต์แทน Meta Tags Description แต่บางเว็บก็ยังคงแสดงผลเนื้อหาจาก Meta Tags Description อยู่ ในอนาคตเราก็ไม่มีทางรู้ได้อีกเช่นกันว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรอีกหรือไม่ แต่ปัจจุบันนี้หากต้องการทำเว็บให้ติดอันดับดีและชวนน่าคลิก ก็อย่าลืมใช้ Meta Tags เข้าช่วย อนาคตค่อยว่ากัน ตอนนี้ทำในสิ่งที่ควรทำไปก่อน

ที่ยกตัวอย่างมามีเพียงแค่ 3 ส่วนเท่านั้น คือ Title ของเว็บ Meta Tags Description และ Meta Tags Keywords จริงๆยังมี Meta Tags อื่นอีกเยอะพอสมควรที่อาจมีส่วนช่วยในเรื่อง SEO หรืออาจไม่ได้มีส่วนช่วย SEO แต่ไปช่วยในเรื่องของการอ่านข้อมูลหน้าเว็บไซต์แทนอย่างพวก Meta Tags Charset เป็นต้น หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องแท็กเหล่านี้ สามารถดูข้อมูลเพิ่มจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับภาษา HTML หรือจากลิงค์นี้ก็ได้ >> https://goo.gl/0Nphyo