จะใช้งบประมาณที่มีอยู่ทำ SEO หรือ SEM ดีกว่ากัน

การตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน มีการแข่งขันกันสูงเพื่อให้ได้อันดับต้น ๆ Top 5 หรือ Top10 ในการนำเสนอบนหน้าต่างการสืบค้นของ Google, Bing และ Yahoo ทำให้ได้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมในเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องและทำให้มียอดขายที่สูงขึ้น ทั้งเทคนิค SEO และ SEM ต่างเป็นวิธีการตลาดออนไลน์ยุคใหม่ที่มีการนิยมใช้อย่างมาก แต่หากมีงบประมาณที่จำกัดก็ทำให้หลายคนเกิดความลังเลใจว่าควรจะเลือกทำสิ่งใดดี

ในบทความนี้ เราจึงได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ SEO และ SEM เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นมาฝากกัน ดังนี้

1. SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการทำการตลาดออนไลน์แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ Search Engine โดยเน้นที่การสร้างเว็บไซต์ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่ Google, Bing และ Yahoo วางไว้ ทั้งด้านเนื้อหา รูปภาพประกอบ และสื่อมัลติมีเดียที่ช่วยให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเข้ามาชมในเว็บไซต์ ดังนั้น ต้องคำนึงถึงความทันสมัย ไม่มีการคัดลอกจากที่อื่น มีแหล่งอ้างอิงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น

นอกจากนี้ การทำเว็บไซต์ SEO ให้ใช้งานได้ง่าย ทั้งบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ส่วนการทำเชื่อมโยง Link ไปสู่เว็บไซต์อื่น ๆ เช่น ห้องแชทที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อที่คุณจะได้แนะนำเว็บไซต์ของคุณ ก็เป็นเทคนิคที่นักธุรกิจเว็บไซต์ออนไลน์ยุคใหม่นิยมทำกัน หากคุณมีทักษะทำ SEO เอง ก็ไม่ต้องจ้างทีมงาน หรืออาจเลือกจ้างมืออาชีพในงานที่คุณไม่ถนัด เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายแต่ได้ผลงานที่ดีน่าพอใจได้

2. SEM หรือ Search Engine Marketing จะเป็นการประมูลพื้นที่เพื่อโฆษณาเว็บไซต์ของคุณในอันดับ 1-5 ของหน้าต่างการสืบค้น ทำให้มีโอกาสได้รับการคลิกเข้ามาชมและเลือกซื้อสินค้าอย่างเห็นผลในทันที ซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นหากคุณใช้ keyword ตรงกับคู่แข่งทางการค้าและเมื่อมีการคลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณผ่านลิงก์โฆษณา คุณก็จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะซื้อสินค้าหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเรียกว่าค่าใช้จ่ายแบบ Pay Per Clickประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ SEO และ SEM

การทำ SEM จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำนวนมาก หรือจะใช้งบประมาณเป็นครั้ง ๆ ตามแผน เพื่อที่จะสนับสนุนโปรโมชั่นหรือกระตุ้นยอดขายเป็นช่วง ๆ ก็จะเห็นผลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่า หากคุณมีงบประมาณที่จำกัดการเลือกแนวทางประชาสัมพันธ์เว็บไซต์แบบ SEO หรือ SEM ต้องขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้า เป้าหมายทางธุรกิจ และจังหวะของแผนธุรกิจ เช่น ช่วงต้น กลาง และปลายปี ที่จะมีโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายต่างกัน ซึ่งหากทำควบคู่กันได้ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น คุณอาจปรึกษาผู้ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงในการทำ SEO และ SEM ก็จะได้คำตอบหรือแนวคิดที่ดียิ่งขึ้น

โครงสร้างเว็บไซต์แบบไหนที่เป็นมิตรกับ SEO

ธุรกิจยุคนี้จำเป็นต้องมีเว็บไซต์ แม้ว่าโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Pinterest ที่เข้าถึงลูกค้าง่าย และสะดวกกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เหตุผลคือโครงสร้างของเว็บไซต์นำเสนอข้อมูลอย่างละเอียดและยังสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น การที่จะทำให้ธุรกิจมีศักยภาพการแข่งขันสูงจำเป็นต้องมีช่องทางที่ไว้วางใจได้เพื่อให้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง ทั้งนี้ โครงสร้างเว็บไซต์ถือเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ SEO จำเป็นต้องจัดระเบียบหน้าเว็บให้ผู้ใช้งานค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ง่าย ทำให้ธุรกิจดีขึ้นและยังส่งผลให้เว็บไซต์ติดในอันดับต้น ๆ ของ Google ด้วย

มาดูกันว่าเว็บไซต์ที่มีลักษณะรองรับเรื่อง SEO คืออะไร

เว็บไซต์ที่มีลักษณะรองรับเรื่อง SEO คือการจัดลำดับหน้าเว็บเรียงลำดับความสำคัญ หน้าเว็บที่อัดแน่นข้อมูลสำคัญที่สุดและบทความดีที่สุดในเว็บไซต์ทำให้ Google เห็นว่าหน้านั้นสำคัญและมีผลให้เว็บติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา เว็บไซต์ที่ได้รับการวางแผนมาเป็นอย่างดีจะมีโครงสร้างที่ชัดเจนช่วยให้จัดทำดัชนีได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีหน้าเพจหลายระดับมาก เช่น เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ และแคตตาล็อกธุรกิจ ถ้าจัดลำดับอย่างเป็นระเบียบและมีการเชื่อมโยงกันจะช่วยหลีกเลี่ยงเนื้อหาและหน้าเพจที่ซ้ำซ้อน ประโยชน์ที่แท้จริงของเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างที่ดีคือสร้างความประทับใจให้ลูกค้าเป้าหมาย

เว็บไซต์ที่มีลักษณะรองรับเรื่อง SEO คือการวางแผนผังเว็บไซต์แสดงรายการหน้าทั้งหมดเพื่อช่วยจัดระเบียบเนื้อหาในเว็บไซต์ตามลำดับหมวดหมู่และลำดับความสำคัญ สามารถสร้างลิงก์เชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องไปถึงโพสต์และหน้าอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ นอกจากนั้นยังสร้างการเชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องในเว็บภายนอกอื่น ๆ ด้วย การวางแผนผังที่ดีจะแสดงลำดับเมนูให้ผู้ใช้ทราบว่าตอนนี้กำลังอยู่ตรงส่วนใดของเว็บไซต์ จะหาทางค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้อย่างไร รวมถึงวิธีกลับไปที่หน้าแรกด้วย

เว็บไซต์ที่มีลักษณะรองรับเรื่อง SEO คือการคัดเลือกคีย์เวิร์ดหลักและรองมาอย่างดี กระจายคำหลักอย่างเหมาะสมทั่วทั้งหน้าเว็บไซต์เพื่อให้ SEO ทำงานได้ดีขึ้นและผู้ใช้สามารถค้นหาหน้าที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย รวมถึงใส่กลุ่มคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ควรใช้คำที่หลากหลายกระจายกันบนหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างลิงก์ภายในเว็บให้มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือมากขึ้นมาดูกันว่าเว็บไซต์ที่มีลักษณะรองรับเรื่อง SEO คืออะไร

สังเกตได้ว่าเว็บไซต์ที่ค้นหาข้อมูลง่ายจะมีวิธีการจัดหน้าและลำดับชั้นเป็นระเบียบเรียบร้อย เริ่มจากหน้าแรกเป็นหน้าที่จะเชื่อมโยงไปถึงข้อมูลหลักของเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจอย่างชัดเจน ถัดจากหน้าแรกคือส่วนหลักเป็นหน้าที่จะเชื่อมโยงไปถึงสินค้าหรือบริการ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาได้ง่าย ต่อไปคือส่วนย่อยเป็นหน้าที่อธิบายคุณสมบัติของสินค้าและบริการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ในส่วนย่อยจะซับซ้อนและมีหลายระดับ จึงต้องเรียงไปตามลำดับความสำคัญ เพราะข้อมูลที่เพิ่มเติมเข้ามาเรื่อย ๆ จะทำให้เว็บขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นเคล็ดลับในการออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับกลยุทธ์ SEO ช่วยให้เว็บไซต์ทำอันดับได้ดีขึ้น