ความแตกต่างของการทำ SEO แบบ On-page และ Off-page

การปรับปรุงเว็บไซต์ให้ติดอับดับในการค้นหาหน้าแรก ๆ ของ Google ก่อนอื่นต้องทำความเข้าถึงความแตกต่างของการทำ SEO แบบ On-page และ Off-page เพื่อรู้เป้าหมายว่าควรทำแต่ละอย่างอย่างไร เกิดความชัดเจนและทำควบคู่กันไปได้โดยไม่สับสน ก่อนอื่นมารู้จักการทำ SEO รูปแบบ On-page หมายถึงการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์เพื่อตอบโจทย์สิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการมากที่สุด โดยเริ่มจากการออกแบบโครงสร้างที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อนหรือมีจำนวนหน้ามากเกินไป ซึ่งอำนวยความสะดวกให้ค้นหาสิ่งที่ต้องการพบอย่างรวดเร็ว ไม่เสียเวลานาน

ทำความเข้าใจกับการใช้คีย์เวิร์ดเป็นสิ่งสำคัญ

สิ่งสำคัญคือควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้คีย์เวิร์ด การกำหนดคีย์เวิร์ดต้องเลือกคำที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นคำทั่วไปเพื่อเจาะเป้าหมายในวงกว้าง หรือคำเฉพาะและคำขยายที่จับตลาดลูกค้าเป้าหมายโดยตรง เมื่อได้คำที่เหมาะสมแล้วให้นำมาแทรกในบทความอย่างแนบเนียน ตั้งแต่ชื่อเรื่อง ในเนื้อหา รวมทั้งชื่อรูปภาพและวิดีโอด้วย เพื่อช่วยให้การค้นหาเว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกๆ ของ Google เพื่อสร้างโอกาสการเสนอขายสินค้าและบริการสู่สายตาผู้ชมจำนวนมาก ยิ่งสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากเท่าไรยิ่งมีโอกาสปิดยอดขายมากและเร็วขึ้นเท่านั้น

สำหรับการทำ SEO รูปแบบ Off-page แตกต่างออกไป โดยตัดเรื่องการค้นหาจากหน้า Google ออกไปก่อน หันมาพิจารณาประสิทธิภาพของเว็บไซต์จากปัจจัยภายนอก เช่น ความน่าเชื่อถือ , ความนิยมและความเห็นของผู้ใช้งาน สรุปว่าการทำ SEO แบบ Off-page เป็นฟีดแบ็กที่สะท้อนกลับมา ไม่เกี่ยวข้องกับการโพสต์บทความหรือปรับแต่งหน้าเว็บเลย เป้าหมายสำคัญคือการสร้างความน่าเชื่อถือ แสดงให้ผู้ชมเห็นว่ามีผู้ชมเข้ามาใช้บริการเว็บไซต์จำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าพอใจเว็บนี้ พร้อมกับแสดงให้เห็นว่าตอบโจทย์ความต้องการได้มากขนาดไหน เช่น การใส่ Backlink จากเว็บไซต์อื่น ๆ เข้ามาในเว็บไซต์ของเรา วิธีการสร้างเครือข่ายจะต้องคัดเฟ้นเฉพาะเว็บที่มีคุณภาพเท่านั้นที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรกับเรา เท่ากับเป็นกระจกสะท้อนตัวเราว่ามีคุณภาพความน่าเชื่อถือระดับไหน สิ่งนี้สำคัญต่อการทำธุรกิจออนไลน์ ถ้าลูกค้าไม่เชื่อมั่น การตัดสินใจซื้อจะเป็นไปได้ยาก

ทำความเข้าใจกับการใช้คีย์เวิร์ดเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากเว็บพันธมิตรต้องมีคุณภาพแล้ว ยังต้องมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณด้วย เพราะถ้าดึงเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องมาลิงก์ด้วย ทาง Google จะพิจารณาว่าเป็นลิงก์ที่ไม่เกิดประโยชน์และไม่ให้น้ำหนักความสำคัญในการจัดอันดับ ซ้ำร้ายการทำ SEO ที่ผิดวิธี ทั้งการลิงก์เว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องและการกระหน่ำใส่คีย์เวิร์ดลงในบทความมากเกินไปจนอ่านไม่รู้เรื่อง ทำให้ถูกมองว่าเป็นสแปมและถูกลงโทษจาก Google ไม่ให้เว็บอยู่ในการจัดอันดับชั่วคราว การทำ SEO ช่วยให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ค้นหาสิ่งที่ต้องการรวดเร็ว ใช้เวลาโหลดไม่นาน มีความสะดวกและปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมากขึ้น ทั้งหมดนี้ทำได้ไม่ยากเพียงแต่ต้องเข้าใจหลักการทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรก เขียนเนื้อหาบทความที่ดีเป็นแบบที่ผู้อ่านชอบและใส่คีย์เวิร์ดลงไปเท่าที่จำเป็น