เทคนิค 6 ข้อ ตั้งหัวข้อ SEO ให้ได้ยอดคลิกเยอะกว่าที่ผ่านมา

หัวข้อของ บทความ SEO มีความสำคัญและเป็นหน้าด่านแรกในการเรียกคนให้คลิกเข้าไปดูเนื้อหาของคุณเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นการตั้งหัวข้อจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่แพ้กลยุทธ์การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ถูกต้องและเหมาะสม เราจึงเอาเทคนิคการตั้งหัวข้อมาฝากให้คุณเรียกคนเข้าไปในเว็บไซต์ของคุณให้เยอะขึ้นดังต่อไปนี้

เทคนิคการตั้งหัวข้อ SEO

ใส่คีย์เวิร์ด : แน่นอนว่าหัวข้อของคุณจะต้องมีคีย์เวิร์ดที่คนใช้ค้นหาด้วย ยิ่งเป็นคีย์เวิร์ดที่ตรงกับการค้นหามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแรงจูงใจให้คนอยากคลิกเข้าไปอ่านในเนื้อหาของคุณได้มากขึ้นเท่านั้น

อ่านปุ๊บเข้าใจปั๊บ : ทางที่ดีที่สุดคือการใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและไม่ควรเป็นหัวข้อที่ยาวจนเกินไป เพราะเมื่อไหร่ที่หัวข้อยาวจะทำให้คนเลื่อนผ่านเนื้อหาของคุณไปโดยทันทีแบบไม่ต้องเปิดอ่าน ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายยิ่งกว่าการอธิบายหัวข้อด้วยการใช้คำหลายคำเสียอีก แต่ถ้าคุณทำได้ก็จะทำให้มียอดคลิกเพิ่มได้

เขียนให้ได้ Call to action : หัวข้อแบบ call to action จะช่วยให้คนคลิกเข้าไปในเนื้อหาของคุณเหมือนเป็นการสร้างแรงจูงใจอย่างหนึ่ง ซึ่งหัวข้อนี้เหมาะกับการทำ sales page เช่น การใช้คำว่า คลิกด่วน! เฉพาะคุณเท่านั้น! อย่ารอช้า! รีบเปิดก่อนหมดสิทธิ์! เป็นต้น

ตั้งชื่อหัวข้อด้วยคำถาม : ลองคิดดูสิว่าเวลาคุณค้นหาคำตอบอะไรก็แล้วแต่ คุณจะเริ่มต้นด้วยคำถามด้วยเช่นกัน เทคนิคนี้จะทำให้คนที่เลื่อนมาเจอหัวข้อของคุณรู้สึกอยากค้นหาคำตอบ ซึ่งความรู้สึกอยากค้นหานี้จะนำไปสู่การคลิกเข้าไปดูเนื้อหาด้านในนั่นเอง เช่น การใช้คำว่า ทำไม… อะไรคือ…

กระตุ้นอารมณ์ให้คลิก : ความตื่นเต้นเร้าใจและปลุกใจเป็นสิ่งที่สร้างความอยากรู้อยากเห็นของคุณได้ ซึ่งเมื่อไหร่ที่คุณกระตุ้นอารมณ์ความอยากรู้ของคนได้เมื่อไหร่ ก็จะทำให้เนื้อหาของคุณถูกเปิดอ่านได้แบบง่าย ๆ เช่น การใช้คำว่า ด่วน! พิเศษ! เท่านั้น! เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหัวข้อ

ใช้ตัวเลขช่วย : การมีตัวหนังสืออย่างเดียวบนหัวข้อนั้นทำให้คนต้องใช้เวลาอ่านหัวข้ออย่างน้อย 3 วินาทีขึ้นไป แต่การใช้ตัวเลขเข้ามาคั่นตัวหนังสือจะช่วยให้หัวข้อของคุณดูสะดุดตามากขึ้นและทำให้คนอ่านรู้สึกอ่านง่ายมากกว่าการใช้ตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว

จะเห็นได้ว่าการตั้งหัวข้อนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ศาสตร์ของการใช้คีย์เวิร์ดเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นศิลป์ที่ต้องจูงใจให้คนคลิกเข้าไปอ่านอีกด้วย แล้วอย่าลืมนำเทคนิคดี ๆ แบบนี้ไปลองใช้กับการทำ SEO บนเว็บไซต์ของคุณต่อไป

เทคนิค 6 ข้อ ตั้งหัวข้อ SEO ให้ได้ยอดคลิกเยอะกว่าที่ผ่านมา

SEO ปี 2019 ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

ในการทำคอนเทนต์การตลาดแบบ SEO มีเทรนด์ความเปลี่ยนแปลงเข้มข้นมากขึ้น จำเป็นที่จะต้องพัฒนาเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพื่อที่เราจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจของเราได้ผ่านบทความ การสื่อสารหรือ SEO และสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้คือ ความชัดเจนในการทำธุรกิจว่าเราทำธุรกิจอะไร และกำลังสื่อสารกับใครอยู่ เพื่อที่จะได้สื่อสารแบรนด์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น การทำ SEO ก็เช่นเดียวกัน ต้องมีการอัปเดตการทำ SEO แบบใหม่ ๆ อยู่เสมอ และสิ่งที่ SEO ปี 2019 สิ่งที่ต้องคำนึงมีดังต่อไปนี้

กำหนดเป้าหมายในการสื่อสารให้ชัดเจน

สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ผู้ทำระบบ SEO จะต้องรู้และกำหนดก็คือ การรู้ว่าต้องการจะสื่อสารกับใครลูกค้าเป็นลูกค้ากลุ่มไหน ซึ่งสิ่งนี้สำคัญมากกว่าการกำหนดเป้าหมายในการค้นหา เนื่องจากที่มาของข้อมูลมาจากกลุ่มผู้คน ดังนั้นเราจะต้องรู้ว่าลักษณะนิสัย ความชอบ ค่านิยม สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายเราเป็นอย่างไร และต้องการอะไร เพื่อที่เราจะได้สื่อสารได้ถูกต้อง และตรงกลุ่มเป้าหมาย

SERP คือ สิ่งที่การตลาดให้ความสำคัญ

SERP (Search Engine Result Page) มีหน้าที่ในการค้นหาข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลของ Google ดังนั้น สิ่งที่คนทำ SEO ให้ความสำคัญคือ การทำให้หน้าเว็บไซต์ของสินค้า และบริการของตนนั้นติดอันดับหน้าแรกของกูเกิล หรือในการค้นหา เพราะจะมีผลในการตัดสินใจของลูกค้า หรือผู้ที่มาค้นหาสิ่งนั้น ๆ

Content ที่สร้างจะต้องมีคำที่เป็น Keyword

สิ่งสำคัญในการทำคอนเทนต์ให้ติดหน้าแรกได้นั่นก็คือ คีย์เวิร์ด คีย์เวิร์ดจะเป็นตัวที่ทำให้ลูกค้าหาเราเจอ โดยGoogle จะทำการเลือกบทความหรือ คอนเทนต์ที่มีประโยชน์มีคุณภาพ สด ใหม่ และตรงตามคีย์ของการค้นหา ดังนั้นการทำ SEO จึงต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะสื่อสารให้ชัดเจน จากนั้นจึงกำหนดคีย์เวิร์ดให้เกี่ยวข้องสิ่งที่ผู้คนต้องการค้นหาให้ได้มากที่สุด

ประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในการทำ SEO

เพื่อความง่ายต่อการค้นหาของผู้คนที่ต้องการค้นหาข้อมูลในครั้งถัดไป จำเป็นที่จะต้องมีการบันทึกประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ใช้ง่ายและไม่เกิดความสับสนยุ่งยากมากเกินไป ไม่เสียเวลาในการโหลดหน้าจอ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานแบบมือถือ สิ่งสำคัญของเว็บในการใช้งานคือ UI (User Interface) ที่ต้องการการทำงานที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไปต่อการค้นหาข้อมูลและการทำงานของเว็บไซต์

การปรับแต่งเว็บไซต์ภายในบนเว็บเพจ

การปรับแต่งเว็บเพจเป็นการปรับแต่งการใช้งานที่ต้องการนำเสนอเพื่อรองรับกลุ่มคนที่เราต้องการเข้ามานั่นคือ ความสะดวกในการเข้ามาค้นหาและอ่านข้อมูล ดังนั้นสิ่งที่เจ้าของเว็บจะต้องจัดเตรียมคือ การกำหนดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มีคีย์เวิร์ดประกอบในการใช้งาน และการรักษาประสบการณ์ของผู้ใช้เอาไว้ด้วย

ในปี 2019 เป็นปีที่มีการแข่งขันการทำ SEO เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงก็คือ คีย์เวิร์ดของกลุ่มลูกค้า โดยศึกษาลูกค้าของแต่ละกลุ่มให้ดีเพื่อไม่ให้ข้อมูลนั้นสูญเปล่า และจะต้องเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเป็นที่ต้องการสูง จึงจะทำให้เว็บนั้นติดหน้าแรก อีกทั้งการเข้าถึงข้อมูลจะต้องง่ายและไม่ซับซ้อนจนเกินไป รองรับการเข้าใช้งานผ่านมือถือสมาร์ทโฟน

กำหนดเป้าหมายในการสื่อสารให้ชัดเจน

จริงหรือไม่ กับคำกล่าวที่ว่า SEO คือ การโฆษณาออนไลน์ฟรี

การทำเว็บไซต์ขายสินค้าและบริการออนไลน์ในยุคปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องหาช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มคนเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการทำ SEO ให้เว็บไซต์สามารถถูกตรวจสอบได้ง่ายจากระบบ algorithm ของ search engine และหากถูกจัดอันดับไว้บนขั้น top 5 ของหน้าต่างเมื่อใด การค้นหาเพื่อเข้าถึงก็ยิ่งง่ายขึ้น

มีการกล่าวว่า SEO เป็นเสมือนหนึ่งวิธีการโฆษณาแบบฟรีของแบรนด์ต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ซึ่งในช่วงสองสามปีหลังนี้เป็นที่นิยมมาก ซึ่งจะมีความจริงอย่างไร เรามาดูกัน

ทำเว็บไซต์ SEO อย่างไร เรียกลูกค้า

การทำ SEO ให้เว็บไซต์ คืออะไร

การปรับโครงสร้างของเว็บไซต์และเนื้อหาให้มีคีย์เวิร์ด SEO ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายในการสืบค้นข้อมูล เช่น ลูกค้าที่ต้องการหาแหล่งที่พัก สำหรับการท่องเที่ยวในไทยใน ปี 2019 หากคุณเป็นเจ้าของรีสอร์ต ก็ต้องทำเว็บไซต์ออนไลน์ที่มีบทความ SEO ที่มีคุณภาพ ทำให้ลูกค้าเห็นข้อดีของการพักที่รีสอร์ทคุณ จะได้รับความสะดวกสบายอย่างไร หรือมีความใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใดบ้าง ก็ต้องกล่าวถึงในบทความด้วย จึงจะดึงดูดใจลูกค้า และคีย์เวิร์ด SEO ของคุณ ก็คือ คำว่ารีสอร์ทจังหวัดxxxนั่นเอง

ข้อเท็จจริงในการทำ SEO มีอะไรบ้าง

การทำ SEO จำเป็นต้องทำต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยเฉพาะธุรกิจหมวดที่มีการแข่งขันกันสูง เช่น โรงแรม อาหารเสริม ร้านจัดช่อดอกไม้ ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่า หากเว็บไซต์ใดไม่มีการอัพเดตข้อมูลใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ และขาดคีย์เวิร์ดที่ผ่านการวิจัย หรือสืบค้นด้วยโปรแกรมมาก่อน ก็ค่อนข้างยากที่จะประสบความสำเร็จ อยู่ในหน้าแรกของผลลัพธ์การสืบค้นของ google yahoo ซึ่งเป็น search engine ที่เป็นแนวหน้าชั้นนำของโลกในทุกวันนี้

การทำ SEO โดยเจ้าของเว็บไซต์เป็นผู้ทำเองทั้งหมด เรามักไม่พบเห็นกันบ่อย ๆ เพราะมีรายละเอียดที่ต้องลงลึก และใช้เวลาค่อนข้างมาก จึงมีบริษัทที่ช่วยรับหน้าที่นี้ โดยต้องจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน หรือรายปี เพื่อความต่อเนื่องในการปรับรูปแบบและเนื้อหา โดยบริษัทเหล่านี้จะมีการทำ report ส่งแก่เจ้าของเว็บไซต์ว่ามีผลการจัดอันดับ ผลการเข้าชมหรือที่เรียกว่า traffic เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างในแต่ละวัน

ทำเว็บไซต์ SEO เรียกลูกค้าดี

การทำ SEO จึงเป็นการทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับดี ๆ ในการสืบค้น โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาแก่ google yahoo ต่างจากการทำโฆษณาแบบ AdWords ที่เจ้าของเว็บไซต์ ต้องจ่ายแก่ search engine ต่อการคลิกแต่ละครั้ง ซึ่งอย่างหลังนี้เรียกว่าเป็นการเสียค่าใช้จ่ายในการโปรโมตที่เป็นรูปธรรม แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า SEO จำเป็นต้องจ้างผู้มีความชำนาญในการทำอย่างต่อเนื่องด้วย คำกล่าวว่า SEO เป็นการโฆษณาฟรีจึงขึ้นกับมุมมองและการตีความของแต่ละคน

ความแตกต่างของการทำ SEO แบบ On-page และ Off-page

การปรับปรุงเว็บไซต์ให้ติดอับดับในการค้นหาหน้าแรก ๆ ของ Google ก่อนอื่นต้องทำความเข้าถึงความแตกต่างของการทำ SEO แบบ On-page และ Off-page เพื่อรู้เป้าหมายว่าควรทำแต่ละอย่างอย่างไร เกิดความชัดเจนและทำควบคู่กันไปได้โดยไม่สับสน ก่อนอื่นมารู้จักการทำ SEO รูปแบบ On-page หมายถึงการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์เพื่อตอบโจทย์สิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการมากที่สุด โดยเริ่มจากการออกแบบโครงสร้างที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อนหรือมีจำนวนหน้ามากเกินไป ซึ่งอำนวยความสะดวกให้ค้นหาสิ่งที่ต้องการพบอย่างรวดเร็ว ไม่เสียเวลานาน

ทำความเข้าใจกับการใช้คีย์เวิร์ดเป็นสิ่งสำคัญ

สิ่งสำคัญคือควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้คีย์เวิร์ด การกำหนดคีย์เวิร์ดต้องเลือกคำที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นคำทั่วไปเพื่อเจาะเป้าหมายในวงกว้าง หรือคำเฉพาะและคำขยายที่จับตลาดลูกค้าเป้าหมายโดยตรง เมื่อได้คำที่เหมาะสมแล้วให้นำมาแทรกในบทความอย่างแนบเนียน ตั้งแต่ชื่อเรื่อง ในเนื้อหา รวมทั้งชื่อรูปภาพและวิดีโอด้วย เพื่อช่วยให้การค้นหาเว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกๆ ของ Google เพื่อสร้างโอกาสการเสนอขายสินค้าและบริการสู่สายตาผู้ชมจำนวนมาก ยิ่งสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากเท่าไรยิ่งมีโอกาสปิดยอดขายมากและเร็วขึ้นเท่านั้น

สำหรับการทำ SEO รูปแบบ Off-page แตกต่างออกไป โดยตัดเรื่องการค้นหาจากหน้า Google ออกไปก่อน หันมาพิจารณาประสิทธิภาพของเว็บไซต์จากปัจจัยภายนอก เช่น ความน่าเชื่อถือ , ความนิยมและความเห็นของผู้ใช้งาน สรุปว่าการทำ SEO แบบ Off-page เป็นฟีดแบ็กที่สะท้อนกลับมา ไม่เกี่ยวข้องกับการโพสต์บทความหรือปรับแต่งหน้าเว็บเลย เป้าหมายสำคัญคือการสร้างความน่าเชื่อถือ แสดงให้ผู้ชมเห็นว่ามีผู้ชมเข้ามาใช้บริการเว็บไซต์จำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าพอใจเว็บนี้ พร้อมกับแสดงให้เห็นว่าตอบโจทย์ความต้องการได้มากขนาดไหน เช่น การใส่ Backlink จากเว็บไซต์อื่น ๆ เข้ามาในเว็บไซต์ของเรา วิธีการสร้างเครือข่ายจะต้องคัดเฟ้นเฉพาะเว็บที่มีคุณภาพเท่านั้นที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรกับเรา เท่ากับเป็นกระจกสะท้อนตัวเราว่ามีคุณภาพความน่าเชื่อถือระดับไหน สิ่งนี้สำคัญต่อการทำธุรกิจออนไลน์ ถ้าลูกค้าไม่เชื่อมั่น การตัดสินใจซื้อจะเป็นไปได้ยาก

ทำความเข้าใจกับการใช้คีย์เวิร์ดเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากเว็บพันธมิตรต้องมีคุณภาพแล้ว ยังต้องมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณด้วย เพราะถ้าดึงเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องมาลิงก์ด้วย ทาง Google จะพิจารณาว่าเป็นลิงก์ที่ไม่เกิดประโยชน์และไม่ให้น้ำหนักความสำคัญในการจัดอันดับ ซ้ำร้ายการทำ SEO ที่ผิดวิธี ทั้งการลิงก์เว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องและการกระหน่ำใส่คีย์เวิร์ดลงในบทความมากเกินไปจนอ่านไม่รู้เรื่อง ทำให้ถูกมองว่าเป็นสแปมและถูกลงโทษจาก Google ไม่ให้เว็บอยู่ในการจัดอันดับชั่วคราว การทำ SEO ช่วยให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ค้นหาสิ่งที่ต้องการรวดเร็ว ใช้เวลาโหลดไม่นาน มีความสะดวกและปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมากขึ้น ทั้งหมดนี้ทำได้ไม่ยากเพียงแต่ต้องเข้าใจหลักการทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรก เขียนเนื้อหาบทความที่ดีเป็นแบบที่ผู้อ่านชอบและใส่คีย์เวิร์ดลงไปเท่าที่จำเป็น

เผยบทความ… มัดใจ Google ให้อยู่หมัด

เผยบทความ... มัดใจ Google ให้อยู่หมัด

แน่นอนว่าสำหรับการทำเว็บไซด์ และ SEO บทความคือตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ เพราะในบทความจะมีเนื้อหาที่ทำให้คนรู้จักและเข้าใจเรื่องราวของเว็บนั้นๆ และมีคีย์เวิร์ดในการดัน SEO หรือมันคือคำที่จะทำให้คนค้นหาแล้วมาเจอเว็บเรานั่นเอง แล้วบทความแบบไหนล่ะที่ Google ชอบ

คุณภาพชั้นดีและ Google ชอบมาก

1.เนื้อหาบทความไม่ซ้ำกับเว็บใหม่คือ สดๆ ซิงๆ ไม่รีปรินท์ ไม่สปิน ไม่มีคำซ้ำกับเว็บอื่นๆ (ยกเว้นคำเฉพาะทาง ) คำในที่นี่คือรูปประโยค สำนวน ที่ไม่ควรมีซ้ำกับเว็บอื่นๆ แม้ว่ามันจะยากแต่หากทำได้บทความนั้นจะเป็นบทความคุณภาพชั้นดีและ Google ชอบมาก

2.คีย์เวิร์ดสำหรับการทำ SEO แน่นอนว่าคนทำเขาต้องวิเคราะห์คีย์เวิร์ดออกมาแล้วว่าควรใช้คีย์หลักและรองคำไหนบ้าง และจะแทรกเข้าบทความแบบไหนในดูเนียนๆ ไม่สะดุดแม้ว่าคำๆนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับเว็บนั้นๆก็ตาม เพราะบทความไม่จำเป็นต้องตรงกับเว็บไซด์อาจมีการทำบทความคนละแนวสอดแทรกเข้าไปเพื่อให้มีคีย์อื่นๆมาช่วยดันเว็บได้ แน่นอนว่ามันยากและท้าทาย

3.การจัดหน้าบทความในเว็บไซด์ ถือเป็นอีกสิ่งเพราะหากมีบทความคุณภาพ มีคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดหน้าของเว็บไซด์นั้นๆในการลงบทความจะต้องมีการทำ On page ให้กับเว็บไซด์ การปรับขนาดอักษร การให้ความสำคัญของย่อหน้า หัวเรื่อง การทำให้คีย์เวิร์ดกลายเป็นลิงค์ การทำให้คีย์เวิร์ดค้นหาได้ง่ายเมื่อ Bot วิ่งหรือมีการค้นหา สิ่งเหล่านี้สำคัญมากพอๆกับการเขียนบทความและไม่ควรละเลยหากต้องการทำ SEO ให้ติดอันดับที่ดี

4.การไม่ใช้บทความสปิน หลายๆคนเลือกใช้การสปินบทความเพื่อความรวดเร็วเพราะบางเว็บนั้นมีเว็บลูกหลายเว็บการซื้อบทความหรือจ้างทำบทความหลายคนมองว่าสิ้นเปลืองสู้จ้างเป็นชุดแล้วทำสปินปรับคำใหม่มันประหยัดกว่า แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่สดไม่ใหม่และคนอ่านไม่รู้เรื่องแม้ว่าความต้องการคือจะให้ Bot วิ่งเข้ามาอ่านและเก็บข้อมูลก็ตามแต่มันก็ไม่ช่วยหัอันดับดีขึ้น

มัดใจ Google ให้อยู่หมัด

ที่กล่าวมาทั้งหมดหากนำไปปรับใช้รับรองว่าบทความที่ ทำลงเว็บไซด์ นั้นจะมีผลดีและตรงตามความต้องการของ Google และทำให้เว็บไซด์กลายเป็นเว็บคุณภาพ และอย่าลืมความถี่ห่างและเวลาในการอัพเดทบทความลงเว็บและการโปรโมทเพื่อให้ยอดคลิ๊กเข้ามาที่เว็บด้วยหากทำได้รับรองว่าการทำ SEO ให้เว็บไซด์จะประสบผลที่ดีแม้จะไม่อยู่หน้าแรกแต่หากปรับส่วนอื่นก็สามารถทำให้คนค้นหาแล้วเจอเว็บเราได้ง่ายๆเหมือนกัน

บทความแบบไหนล่ะที่ Google ชอบ