“Keyword” หัวใจหลักในการทำเงินจากเว็บไซต์

เราจะรู้จักการคัดเลือก Keyword ที่ดีก็ต่อเมื่อ เรามีความเข้าใจในเรื่องของ SEO ดังนั้น ผู้ที่เพึ่งริเริ่มการหัดทำเว็บไซต์ให้มีอันดับในหน้าแรกของผลการค้นหา จึงควรศึกษาเรื่องของพื้นฐาน SEO ทั้งหมดโดยรวมอย่างเข้าใจ หากเราเข้าใจแล้วเราจึงจะมาเลือกคีย์เวิร์ดและเริ่มทำไปด้วยกัน สาเหตุที่ต้องทำความเข้าใจกับ SEO ก่อนนั้น เราจะได้รู้จักการวิเคราะห์ว่าในคีย์เวิร์ดไหนมีการแข่งขันสูง ในคีย์ไหนที่มีการแข่งขันต่ำ เราสามารถเอาชนะในเรื่องของออนเพจและออฟเพจคู่แข่งไปได้หรือไม่

ปัจจุบัน เราสามารถดูสถิติปริมาณค้นหาได้จาก Google Adword เป็นหลัก แต่การจะเลือกเฉพาะคำค้นหาที่มีปริมาณค้นหาสูงอย่างเดียวมันคงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ยิ่งปริมาณค้นหาสูงส่วนมากการแข่งขันก็จะสูง และหากเราไม่มีทุน ไม่มีแรง ไม่มีกำลังมากพอที่จะมานั่งแข่งขันกับเว็บใหญ่ระดับนั้น การที่เราไปนั่งเล่นคีย์แข่งขันสูงคงดูจะไม่คุ้มทุนสักเท่าไหร่ เราอาจจะต้องเลือก Nich Keyword ที่สามารถทำเงินได้แต่การแข่งขันต่ำแทน

คีย์เวิร์ดรอง แหล่งทำเงินของนักทำ SEO

seo

นิชคีย์เหล่านี้จะมีอยู่เป็นจำนวนมาก และเราสามารถทำได้หลายคีย์ภายในเว็บเดียวกัน นั่นหมายความว่าหนึ่งเว็บไซต์ ยิ่งทำนิชคีย์เยอะมากเท่าไหร่ โอกาสทำเงินของเราก็จะมากยิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องไปเหนื่อยเกินกำลังเหมือนกับการแข่งขันในคำค้นหาที่มีการแข่งขันสูงเลยนั่นเอง แต่ในทางกลับกัน เพชรเม็ดงามยังมีอยู่เสมอ บางครั้งเมื่อเราฝึกการหา Keyword และการวิเคราะห์คู่แข่งอย่างชำนาญแล้ว เราอาจจะเจอคำที่มีปริมาณค้นหาเยอะแต่การแข่งขันต่ำมากก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน นี่เป็นเรื่องจริง

ทุกวันนี้คนที่มีรายได้หลาย 1,000,000 ต่อเดือนจากการทำ SEO เค้าเหล่านี้มักจะสามารถทำอันดับเว็บไซต์ของตัวเองให้ติดอยู่ในอันดับแรกของผลการค้นหา ในปริมาณที่มีคู่แข่งต่ำแต่ แต่มีปริมาณค้นหาต่อเดือนสูง การทำแบบนี้เราไม่ต้องใช้คนเยอะ ไม่ต้องใช้กำลังเยอะ ดีไม่ดีทำคนเดียวก็ยังทำไหว แถมทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ต่างจากการแข่งขันในคำมีคู่แข่งสูง ค้นหาสูง มันต้องใช้ทั้งทุนและกำลังเข้ามาช่วย ทำให้ท้ายที่สุดก็ต้องวัดกันว่าจะขาดทุนหรือกำไร นี่คือหัวใจในการนำเว็บไซต์ โอกาสทำเงินได้ย่อมมีสูงขึ้น

ใช้ Search Console ช่วยตามหน้า 404 Error

เว็บไซต์ไหนมีหน้าเสียเยอะ เกิด Error 404 ขึ้นอยู่บ่อยครั้งและจำนวนมาก ไม่ว่าคุณจะเคยทำเว็บโดเมนนี้แล้วลบทิ้งแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ จนฐานข้อมูลค้นหามีลิงค์ url เก่าอยู่แต่เข้ามาแล้วเป็น 404 อยู่บ้างก็ตาม มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก การจะให้มานั่งวิเคราะห์เว็บขนาดใหญ่ยกตัวอย่างเช่น เว็บวาไรตี้ เว็บข่าว เว็บคลิปเยอะเยอะที่มีปริมาณโพสต์จำนวนมาก ให้คนมานั่งไล่หาทีละเว็บที่ละหน้าว่ามีหน้า 404 อยู่ที่ตำแหน่งใดบ้างคงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ใช้เวลากันเป็นเดือนแน่นอน

ตัวช่วยที่ดีกว่าคือการที่เราแอดเว็บไซต์เข้าไปที่ Google Search เครื่องมือตัวนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการวิเคราะห์โดยรวมของเว็บเราได้ดี รวมไปถึง มีการแสดงข้อมูล Error 404 ให้ดูอีกด้วยว่าในหน้าเว็บไซต์ของเรานั้นหน้าเว็บเพจได้บ้างที่เกิด 404 ขึ้นมาแล้วมันมีการลิงค์มาจากหน้าเว็บเพจใดภายในเว็บเราหรือนอกเว็บไซต์

404 บางหน้า เว็บเราอาจไม่มีอยู่

ตรงนี้เราจะต้องรู้จักด้วยว่า Search Console นั้นจะเป็นการรวบรวมข้อมูลจากบอทของ Google เป็นหลัก ซึ่งบางครั้งเว็บไซต์เราอาจจะไม่มีหน้าเว็บเพจที่ในระบบโชว์ 404 เป็นเพราะว่าชื่อโดเมนของเราอาจเคยไปฝากลิงค์มาจากที่อื่นในสมัยก่อน แล้วเราลบและทำเว็บใหม่ แต่ URL ที่เราเคยทำนั้นยังคงทำลิงค์มายังหน้าเว็บเพจเดิมที่เราได้ลบทิ้งไปแล้ว

บอทของ Google จะมีการติดตามวิธีนี้ด้วย ทำให้อาจจะมีหน้า 404 ที่เว็บไซต์ของเราไม่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเราก็สามารถข้ามในข้อนั้นไปได้ เราไปไล่ดูเฉพาะหน้าเว็บไซต์ที่เรายังคงมีอยู่ในปัจจุบันและมีการลิงค์ไปที่หน้าเว็บเพจโล่งๆหรือไม่ หากมีก็รีบกำจัดเสียปรับเปลี่ยนให้ถูกต้องเพื่อให้อันดับของเว็บดียิ่งขึ้น จริงๆแล้ว 404 นั้นไม่ได้ส่งผลกับอันดับเว็บมากนักแต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ควรจะลดปริมาณ Error Page ลงให้เหลือน้อยลงหรือไม่เหลือเลยยิ่งดี

รวมวิธีเช็คอันดับเว็บไซต์ ทำได้ด้วยตัวเอง

การเช็คอันดับให้กับเว็บไซต์ ถือได้ว่าเป็นขั้นตอนที่น่าลุ้นสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่งผู้ที่จัดทำ SEO ให้กับเว็บไซต์นั้น ๆ ก็ตาม แต่การเช็คอันดับให้กับเว็บไซต์ ถือได้ว่ามีหลายวิธีด้วยกัน โดยแต่ละวิธีนั้นก็จะแสดงอันดับที่แตกต่างกันออกไป โดยผลของอันดับหากสมจริงหรือใกล้เคียงกับความจริงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลทำให้เราสามารถรับรู้ได้ว่า จริง ๆ แล้วเว็บไซต์ของเรานั้นอยู่ที่อันดับเท่าไหร่แล้วกันแน่นั่นเอง ซึ่งวันนี้เรามีวิธีในการเช็คอันดับเว็บไซต์ 4 วิธีมากฝากกัน

เช็คอันดับเว็บไซต์ผ่านทาง google chrome โดยใช้โหมดไม่ระบุตัวตน

วิธีการเช็คอันดับทำได้ด้วยการเปิด google chrome ขึ้นมา แล้วให้กด ctrl+shift+N ซึ่งจะปรากฎหน้าต่างใหม่โดยมีรูปนักสืบที่ใส่แว่นดำและใส่หมวก หลังจากนั้นให้พิมพ์คำเพื่อทำการค้นหาโดยปกติ เพียงเท่านี้คุณจะสามารถเช็คอันดับเว็บไซต์ของคุณได้แล้ว
การเช็คอันดับเว็บไซต์ผ่านทาง google chrome จะทำให้คุณรู้ถึงอันดับของเว็บไซต์ที่สมจริงมากที่สุด แต่สำหรับเว็บไซต์ใหม่ ๆ ที่ไม่ติดอันดับ 1 – 20 อาจจะไม่สามารถเช็คอันดับผ่าน google chrome ได้

การเช็คอันดับเว็บไซต์ผ่านเว็บ natachai.com

สำหรับเว็บไซต์ natachai.com ถือได้ว่าเป็นเว็บของไทยโดยตรง โดยโปรแกรมภายในเว็บไซต์นี้จะมีลักษณะดึงข้อมูลมาจาก google โดยตรง และมีการนำมาใช้จัดเรียงอันดับอีกที ส่งผลทำให้ดูง่าย อีกทั้งเรายังคงสามารถเช็คตำแหน่งของคีย์เวิร์ดภายในเว็บไซต์เราได้อีกด้วย โดยเฉพาะคีย์เวิร์ดอันดับ 1 – 100

การเช็คอันดับเว็บไซต์โดยเช็คผ่าน google search console

การเช็คอันดับผ่านเว็บไซต์นี้ ถือได้ว่าเป็นบริการแบบฟรี ๆ จาก google โดยตรง ซึ่งจะช่วยทำให้เราได้เข้าใจถึงวิธีที่ทาง google เองได้ทำการดูแลเว็บไซต์ของเรา พร้อมทั้งวิธีเพิ่มโอกาสให้กับเว็บของเราที่จะติดอันดับในหน้าแรก ๆ ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังคงแสดงอันดับและจำนวนคำ พร้อมทั้งคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างค้นหา แล้วทำให้ค้นพบเว็บไซต์ของเราโดยตรงอีกด้วย ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ทำให้เราได้ตรวจเช็คความเป็นจริงกับสถานะของเว็บไซต์ของเราได้อย่างมากที่สุดแล้ว

การเช็คอันดับผ่าน App ใน android ที่ชื่อ seo serp mojo หรือ http://serpmojo.com

การเช็คอันดับเว็บไซต์ผ่านแอพนี้ ยังคงไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า จะสามารถทำการเช็คอันดับบนไอโฟนได้หรือไม่ แต่ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งวิธีการเช็คอันดับเว็บไซต์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

ในส่วนของการทำ SEO ผู้จัดทำทุกคนย่อมที่จะต้องการรับรู้ถึงสถานะของเว็บไซต์ของเราในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร เพื่อที่จะรับรู้ช่องทางในการทำ SEO ต่อไป อีกอย่างข้อมูลผ่านการเช็คในแต่ละครั้ง ก็ยังคงมีข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อให้ได้ศึกษาไปพร้อม ๆ กันนั่นเอง

อยากรู้ SEO ต้องทำแบบไหนในปัจจุบัน ดูเว็บที่ติดหน้าแรกสิ

สิ่งที่หลายคนมักมองข้ามไปในการทำ SEO ชอบมองว่าเรื่อง SEO เป็นอะไรที่ยุ่งยากปวดหัว คิดเยอะไปเรื่อย พยายามหาสูตรสำเร็จแบบทำวันนี้ พรุ่งนี้เว็บไซต์มาหน้าแรกทันที คนกลุ่มนี้มีเยอะมากในวงการ SEO พยายามหาเคล็ดลับทางลับๆต่าง บางคนหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ บางคนเจอแต่ใช้ได้ชั่วคราว พอเวลาผ่านไป Google ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อทำลายคนทำเออีโอสายดำ สุดท้ายเขาเหล่านั้นก็ต้องมานับ 1 ใหม่แบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่จะรวยอย่างยั่งยืนจากการทำอาชีพนี้สักทีล่ะ…

แท้จริงแล้วการทำ SEO มันไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ง่าย เราต้องเข้าใจกลไกการจัดอันดับโดยรวมของ Google หรือ Search Engine เจ้าอื่นที่เราต้องการทำให้ติดอันดับ ถึงแม้ว่าจะมีการอัพเดทตัวแปรในการทำดัชนีผลการค้นหาอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ใช่ว่ามันจะเปลี่ยนโครงสร้างทั้งหมดจากพื้นฐานเดิม อย่างที่คนในวงการรู้กัน กูเกิ้ลมีการใช้ตัวแปรมากกว่า 200-300 ปัจจัยที่ใช้มาอ้างคำนวนในการทำอันดับของเว็บไซต์ แถมแต่ละปัจจัยยังคงเป็นความลับของทาง Google เองด้วย ไม่มีการเผยแพร่ นักทำ SEO ล้วนแต่พยายามคาดเดาความเป็นไปได้ในปัจจัยต่างๆและคิดเอาเองว่ามันน่าจะใช่สิ่งเดียวกับที่ตัวเองคิด การคิดแบบนี้เป็นการเข้าข้างตัวเองอย่างมาก เพราะมันคือการมโนโดยไม่มีข้อมูลอะไรอ้างอิงได้เลย หากใช้แต่ความมโน ถาม 100 คนก็คงตอบออกมาไม่เหมือนกันแน่นอน จะง่ายว่าไหมหากเรารู้จัก Search Engine Optimization Tips ในฉบับที่เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาคาดเดาสุ่ม ที่สำคัญ มีการอ้างอิงจากผลลัพธ์จริงด้วย นั่นคือ “วิเคราะห์จากเว็บที่ติดหน้าแรก”

รู้จัก SEO แบบเข้าใจง่าย

แกะรอยเว็บติด Top 10 ในผลการค้นหา

เคล็ดลับที่แสนง่ายในการดูว่าแต่ละช่วงเวลา การทำ SEO แบบไหนยังคงได้ผลอยู่ แบบไหนไม่ได้ผลแล้ว ต้องออกแบบเว็บอย่างไรจึงจะดี เพียงแค่ดูเว็บที่ติด TOP 10 ในหลายคีย์แล้วนำจุดที่แต่ละเว็บมีเหมือนกัน ใช้เหมือนกัน ทั้งในเรื่องออนเพจและออฟเพจมีลองปรับเข้ากับเว็บไซต์ดู ให้เราคิดง่ายๆว่าเว็บไซต์ที่ติดหน้าแรกของผลการค้นหานั่นมันต้องสร้างเว็บไซต์โดยรวมได้ตรงกับความต้องการของ Search Engine แต่ละแห่งนั่นเอง เช่น กรณีเราจะทำ SEO คำว่า FIFA55 ให้ลองเสิร์จคำนี้ใน Google ดูก่อนแล้วไล่แกะ TOP 10 ของคีย์เวิร์ดนี้มาดูว่าแต่ละเว็บมีส่วนไหนที่เหมือนกัน ส่วนไหนที่ต่างกัน โครงสร้างเว็บซับซ้อนมากแค่ไหน แหล่งที่มาของลิ้งเป็นรูปแบบใดเป็นหลัก แต่ละเว็บคล้ายกันมากหรือน้อย นอกจากนี้ ยังควรดูพวกคีย์รองที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน อาทิ ฟีฟ่า55 FIFA555 เว็บฟีฟ่า ซึ่งพวกคำย่อยถ้าเราไม่รู้คีย์เวิร์ดรองในกลุ่มนั้น ก็สามารถใช้คีย์เวิร์คที่ Google แนะนำในช่วงท้ายของหน้าผลการค้นหามาใช้ดูเพื่อวิเคราะห์ได้

ที่ทำแบบนี้ เพราะบางทีเว็บที่ติดอันดับคีย์หลักสูงๆ อาจไม่มีอันดับในคีย์รองเลย และอาจมีบางเว็บที่อันดับในคีย์หลักมาพอสมควรอาจไม่สูงนัก แต่มีติดคีย์รองเพียบเป็น 10-20 คำ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องดูว่าเพราะสาเหตุอะไร ค่อยๆไล่แกะไปเรื่อยๆน่าจะพบคำตอบได้ไม่ยากนัก อันไหนมันดูงงก็ข้ามไป อันไหนแต่ละเว็บมีการนำมาใช้เหมือนกันและติดอันดับผลการค้นหาดีก็โน๊ตจดจำไว้ สุดท้ายก็ต้องมาดูว่า การเน้นเฉพาะคีย์หลัก กับการหว่านคีย์รองและหลักให้ไปพร้อมกัน แบบนี้จะทำเงินดีและความเสี่ยงต่ำกว่า ของพวกนี้ไม่ได้ยาก SEO ไม่ใช่เรื่องที่ต้องพยายามมโนขึ้นมาเองในหัว แต่เราสามารถใช้ประโยชน์จากผลการค้นหานำมาประยุกค์ใช้กับเว็บของตนได้ วิธีนี้คือการเรียนรู้ SEO ที่ดีและถูกต้องที่สุด ไม่ต้องไปหลงเชื่อคารมของเหล่าเซียนในแวดวงการนี้ เพราะเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้รู้คำเฉลยของ Search Engine แต่ละค่ายเช่นเดียวกับเรา หน้าที่ของการทำเว็บให้ติดอันดับดีๆคือ สังเกตุ เรียนรู้ ทดลอง แค่นี้รับรองว่างาน SEO จะไม่ปวดหัวเหมือนอย่างที่เป็นอีกต่อไป

เทคนิคง่ายๆ การค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเว็บของเรา

เราคงเคยได้ยินมาอยู่เสมอว่า Backlinks ที่น่าจะเหมาะกับเว็บไซต์ของเรามากที่สุด ควรจะเป็นเว็บไซต์ที่มีเรื่องราวไปในทิศทางเดียวกัน ยกตัวอย่างคือ หากเราทำเว็บไซต์ขายอะไหล่รถยนต์ หากเราได้รับลิงค์ย้อนกลับจากพวกเว็บรถยนต์ก็คงจะดีกว่าได้ลิงค์ย้อนกลับจากพวกเว็บเครื่องสำอางค์อย่างแน่นอน แต่เราจะไปหาได้จากไหนล่ะ ส่วนใหญ่ที่แจกรายชื่อเว็บให้เข้าไปทำลิงค์ฟรีกันจะเป็นเว็บซื้อขาย เว็บเฉพาะทางไม่ค่อยมีคนแจกรายชื่อเว็บกันหรอก แต่ Google มันพิเศษกว่านั้น คือมันมีวิธีค้นหาเว็บที่สามารถค้นตามเงื่อนไขที่เราตั้งไว้ได้โดยการค้นหาในรูปแบบผ่านคำสั่ง วันนี้เราจะมาดูสัก 2 คำสั่งที่จะช่วยให้เราหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บเราได้แบบไม่ยาก

คำสั่งแรก inurl: สำหรับคำสั่งนี้จะหมายถึงเราต้องการให้ Google ทำการแสดงข้อมูลรายชื่อเว็บที่มีเงื่อนไขในชื่อของ url หากเราใส่ว่า inurl:seo แบบนี้ จะหมายความว่าให้ Google แสดงผลเฉพาะหน้าเว็บเพจที่ url มีคำว่า seo เท่านั้น ไม่ว่าคำนี้จะอยู่ในตำแหน่งชื่อโดเมนหรือส่วนหลังจากชื่อโดเมนก็ตาม เช่น domeseo.com หรือ dome.com/seo-keywords หากมีคำว่า SEO อยู่ใน url มันก็จะนำมาแสดงผลทั้งหมด วิธีการใช้คำสั่งนี้หาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องก็แค่กรอกคีย์เวิร์ดสำคัญต่อลงไปต่อท้าย inurl: แค่นี้มันก็จะแสดงผลรายชื่อเว็บที่มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่เราใส่แล้ว จะใส่เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ เดี๋ยวนี้ Google ฉลาดขึ้นเยอะ

คำสั่งที่สอง intitle: คำสั่งนี้ก็จะคล้ายกับคำสั่งแรก เพียงแต่มันจะไม่ได้จับเงื่อนไขตรง url แต่จะไปจับเงื่อนไขที่ Title ของเว็บไซต์นั้นๆแทน หาก Title เว็บไหนมีคีย์เวิร์ดตรงตามเงื่อนไขก็จะถูกนำมาแสดงผลนั่นเอง เช่น intitle:seo หรือ intitle:แทงบอล เป็นต้น แต่วิธีนี้จะไม่ค่อยเหมาะเท่าคำสั่ง inurl: เพราะถ้าใช้ intitle: เดี๋ยวนี้ไตเติ้ลของแต่ละเว็บมักมีการหว่านคีย์เวิร์ดเยอะเกินไป เช่น แทงบอลผ่านเน็ต อาจจะหาหน้าเว็บที่เข้าไปทำลิงค์ย้อนกลับได้ลำบากกว่า แบบบางทีมีคนโพสขายสินค้าตามเว็บประกาศฟรีหลายพันเว็บ โดยใช้ Title เป็นคีย์เวิร์ดด้วย เวลาเราค้นผ่านคำสั่ง intitle: ก็อาจจะเจอเว็บประกาศฟรีพวกนั้นหลุดมาได้เหมือนกัน

เมื่อเรารู้คำสั่งแล้ว การหาเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเพจที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับเว็บของเราก็คงจะไม่ยากเกินตัวไป เราเพียงแค่ไล่หาเว็บที่สามารถเข้าไปทำลิงค์ย้อนกลับได้ก็เป็นอันเสร็จ แต่ควรดูด้วยว่าเว็บที่จะเข้าไปสร้างลิงค์นั้นมันเข้าข่ายโดนสแปมมาไหม บางทีจะเจอเว็บเก่าๆที่มีคนมาสแปมลิงค์มหาศาล เจอแบบนี้ก็เลี่ยงไปนะครับ