วิธีและ SEO เพื่อเอาตัวรอดบน Facebook Algorithm 2020

Facebook เป็นสื่อ Social media ที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกเป็นอันดับ 1 ทำให้นักการตลาดส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญในการทำการตลาดบน Facebook เพื่อดึงความสนใจกลุ่มเป้าหมายที่เป็น User Facebook ให้เข้ามาสู่ธุรกิจของตัวเอง

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 จนถึงปัจจุบัน Facebook มีการปรับอัปเดตระบบหลายครั้งเพื่อให้ได้การแสดงผลตอบโจทย์กับ User มากที่สุด โดยในยุคแรกที่ยังไม่มี Algorithm ในการจัดการข้อมูล Facebook เน้นที่การโชว์ข้อความที่โพสต์ใหม่ให้ผู้ใช้งานได้เห็นก่อนเพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ตกเทรนด์ล่าสุด ต่อมาในปี ค.ศ. 2015 Facebook เพิ่ม Algorithm เข้ามาเพื่อปรับให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกข้อมูลที่ตัวเองต้องการเห็นก่อนได้ด้วยตัวเองเพียงกดปุ่ม See First บน Facebook page จนกระทั่งในปี ค.ศ.2018 Facebook ได้นำการใช้งานแบบ Engagement ที่เน้นการโต้ตอบมาใช้เพื่อลดจำนวนโพสต์ขายสินค้าลงและเพิ่มความสำคัญในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้ให้เพิ่มมากขึ้น

ในปี ค.ศ. 2020 Facebook ได้มีการปรับ Algorithm อีกครั้งเพื่อนำเสนอโพสต์ที่ถูกใจผู้ใช้งานมากขึ้น ทำให้โพสต์ขายของหมดไป โดยวิธีการเอาตัวรอดหลังจากปรับ Algorithm ครั้งใหม่สามารถทำได้ ดังนี้

วิธีการเอาตัวรอดหลังจากปรับ Algorithm

กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน การทำโพสต์บน Facebook ในปี 2020 เน้นให้มีการตอบโต้กันระหว่างเพจและผู้ใช้งาน ทำให้โพสต์การทำโพสต์ที่ดึงดูดให้ผู้ใช้งานคอมเม้นท์ กดปุ่ม Emotion หรือกดแชร์ จึงถูกแสดงบนหน้าฟีดนานกว่าและยังเป็นวิธีสร้างฐานแฟนคลับที่ดีกว่า ซึ่ง Content ที่น่าสนใจควรมีความเฉพาะเจาะจงและนำ SEO มาใช้เพื่อเรียกกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาสู่ Facebook page ให้เพิ่มมากขึ้น

กำหนดช่วงเวลาโพสต์ การโพสต์ข้อมูลในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้โพสต์มีประสิทธิภาพมากกว่า ดังนั้นจึงควรโพสต์ Content ใหม่ ในช่วงเวลาเดิมทุกวันเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ทราบเวลาในการอัปเดตข้อมูล

นำ VDO Content มาใช้ เนื่องจากพฤติกรรมของกลุ่มผู้ใช้งานโดยส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่มีเวลามากพอในการอ่าน Content ดังนั้น การทำ VDO จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดเวลาในการรับข้อมูลมากขึ้น โดยความยาวของ VDO ที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 3 นาที

สร้าง Facebook Group เพื่อจับกลุ่มเป้าหมาย การตั้ง Group บน Facebook โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน จะทำให้สามารถนำเสนอ Content ให้กับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้ง่ายขึ้น และยังเป็นวิธีสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

Call to action เน้นย้ำให้แชร์ กลุ่มเป้าหมายย่อมมีการตอบโต้และกดติดตาม Facebook page หรือ Facebook group ที่ตนเองสนใจอยู่แล้ว แต่การเน้นย้ำให้กลุ่มเป้าหมายแชร์ Content เป็นวิธีที่ช่วยขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้เพิ่มมากขึ้น และยังเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าโฆษณาได้ดีกว่า

การปรับตัวให้เข้ากับ Algorithm ที่ Facebook กำหนดไว้เพียง 5 วิธีข้างต้น เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำกำไรได้จาก Social media อันดับ 1 ของโลกได้อย่างต่อเนื่อง

วิธีการเอาตัวรอดหลังจากปรับ Algorithm

เทคนิค 6 ข้อ ตั้งหัวข้อ SEO ให้ได้ยอดคลิกเยอะกว่าที่ผ่านมา

หัวข้อของ บทความ SEO มีความสำคัญและเป็นหน้าด่านแรกในการเรียกคนให้คลิกเข้าไปดูเนื้อหาของคุณเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นการตั้งหัวข้อจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่แพ้กลยุทธ์การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ถูกต้องและเหมาะสม เราจึงเอาเทคนิคการตั้งหัวข้อมาฝากให้คุณเรียกคนเข้าไปในเว็บไซต์ของคุณให้เยอะขึ้นดังต่อไปนี้

เทคนิคการตั้งหัวข้อ SEO

ใส่คีย์เวิร์ด : แน่นอนว่าหัวข้อของคุณจะต้องมีคีย์เวิร์ดที่คนใช้ค้นหาด้วย ยิ่งเป็นคีย์เวิร์ดที่ตรงกับการค้นหามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแรงจูงใจให้คนอยากคลิกเข้าไปอ่านในเนื้อหาของคุณได้มากขึ้นเท่านั้น

อ่านปุ๊บเข้าใจปั๊บ : ทางที่ดีที่สุดคือการใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและไม่ควรเป็นหัวข้อที่ยาวจนเกินไป เพราะเมื่อไหร่ที่หัวข้อยาวจะทำให้คนเลื่อนผ่านเนื้อหาของคุณไปโดยทันทีแบบไม่ต้องเปิดอ่าน ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายยิ่งกว่าการอธิบายหัวข้อด้วยการใช้คำหลายคำเสียอีก แต่ถ้าคุณทำได้ก็จะทำให้มียอดคลิกเพิ่มได้

เขียนให้ได้ Call to action : หัวข้อแบบ call to action จะช่วยให้คนคลิกเข้าไปในเนื้อหาของคุณเหมือนเป็นการสร้างแรงจูงใจอย่างหนึ่ง ซึ่งหัวข้อนี้เหมาะกับการทำ sales page เช่น การใช้คำว่า คลิกด่วน! เฉพาะคุณเท่านั้น! อย่ารอช้า! รีบเปิดก่อนหมดสิทธิ์! เป็นต้น

ตั้งชื่อหัวข้อด้วยคำถาม : ลองคิดดูสิว่าเวลาคุณค้นหาคำตอบอะไรก็แล้วแต่ คุณจะเริ่มต้นด้วยคำถามด้วยเช่นกัน เทคนิคนี้จะทำให้คนที่เลื่อนมาเจอหัวข้อของคุณรู้สึกอยากค้นหาคำตอบ ซึ่งความรู้สึกอยากค้นหานี้จะนำไปสู่การคลิกเข้าไปดูเนื้อหาด้านในนั่นเอง เช่น การใช้คำว่า ทำไม… อะไรคือ…

กระตุ้นอารมณ์ให้คลิก : ความตื่นเต้นเร้าใจและปลุกใจเป็นสิ่งที่สร้างความอยากรู้อยากเห็นของคุณได้ ซึ่งเมื่อไหร่ที่คุณกระตุ้นอารมณ์ความอยากรู้ของคนได้เมื่อไหร่ ก็จะทำให้เนื้อหาของคุณถูกเปิดอ่านได้แบบง่าย ๆ เช่น การใช้คำว่า ด่วน! พิเศษ! เท่านั้น! เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหัวข้อ

ใช้ตัวเลขช่วย : การมีตัวหนังสืออย่างเดียวบนหัวข้อนั้นทำให้คนต้องใช้เวลาอ่านหัวข้ออย่างน้อย 3 วินาทีขึ้นไป แต่การใช้ตัวเลขเข้ามาคั่นตัวหนังสือจะช่วยให้หัวข้อของคุณดูสะดุดตามากขึ้นและทำให้คนอ่านรู้สึกอ่านง่ายมากกว่าการใช้ตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว

จะเห็นได้ว่าการตั้งหัวข้อนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ศาสตร์ของการใช้คีย์เวิร์ดเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นศิลป์ที่ต้องจูงใจให้คนคลิกเข้าไปอ่านอีกด้วย แล้วอย่าลืมนำเทคนิคดี ๆ แบบนี้ไปลองใช้กับการทำ SEO บนเว็บไซต์ของคุณต่อไป

เทคนิค 6 ข้อ ตั้งหัวข้อ SEO ให้ได้ยอดคลิกเยอะกว่าที่ผ่านมา