เผยบทความ… มัดใจ Google ให้อยู่หมัด

เผยบทความ... มัดใจ Google ให้อยู่หมัด

แน่นอนว่าสำหรับการทำเว็บไซด์ และ SEO บทความคือตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ เพราะในบทความจะมีเนื้อหาที่ทำให้คนรู้จักและเข้าใจเรื่องราวของเว็บนั้นๆ และมีคีย์เวิร์ดในการดัน SEO หรือมันคือคำที่จะทำให้คนค้นหาแล้วมาเจอเว็บเรานั่นเอง แล้วบทความแบบไหนล่ะที่ Google ชอบ

คุณภาพชั้นดีและ Google ชอบมาก

1.เนื้อหาบทความไม่ซ้ำกับเว็บใหม่คือ สดๆ ซิงๆ ไม่รีปรินท์ ไม่สปิน ไม่มีคำซ้ำกับเว็บอื่นๆ (ยกเว้นคำเฉพาะทาง ) คำในที่นี่คือรูปประโยค สำนวน ที่ไม่ควรมีซ้ำกับเว็บอื่นๆ แม้ว่ามันจะยากแต่หากทำได้บทความนั้นจะเป็นบทความคุณภาพชั้นดีและ Google ชอบมาก

2.คีย์เวิร์ดสำหรับการทำ SEO แน่นอนว่าคนทำเขาต้องวิเคราะห์คีย์เวิร์ดออกมาแล้วว่าควรใช้คีย์หลักและรองคำไหนบ้าง และจะแทรกเข้าบทความแบบไหนในดูเนียนๆ ไม่สะดุดแม้ว่าคำๆนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับเว็บนั้นๆก็ตาม เพราะบทความไม่จำเป็นต้องตรงกับเว็บไซด์อาจมีการทำบทความคนละแนวสอดแทรกเข้าไปเพื่อให้มีคีย์อื่นๆมาช่วยดันเว็บได้ แน่นอนว่ามันยากและท้าทาย

3.การจัดหน้าบทความในเว็บไซด์ ถือเป็นอีกสิ่งเพราะหากมีบทความคุณภาพ มีคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดหน้าของเว็บไซด์นั้นๆในการลงบทความจะต้องมีการทำ On page ให้กับเว็บไซด์ การปรับขนาดอักษร การให้ความสำคัญของย่อหน้า หัวเรื่อง การทำให้คีย์เวิร์ดกลายเป็นลิงค์ การทำให้คีย์เวิร์ดค้นหาได้ง่ายเมื่อ Bot วิ่งหรือมีการค้นหา สิ่งเหล่านี้สำคัญมากพอๆกับการเขียนบทความและไม่ควรละเลยหากต้องการทำ SEO ให้ติดอันดับที่ดี

4.การไม่ใช้บทความสปิน หลายๆคนเลือกใช้การสปินบทความเพื่อความรวดเร็วเพราะบางเว็บนั้นมีเว็บลูกหลายเว็บการซื้อบทความหรือจ้างทำบทความหลายคนมองว่าสิ้นเปลืองสู้จ้างเป็นชุดแล้วทำสปินปรับคำใหม่มันประหยัดกว่า แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่สดไม่ใหม่และคนอ่านไม่รู้เรื่องแม้ว่าความต้องการคือจะให้ Bot วิ่งเข้ามาอ่านและเก็บข้อมูลก็ตามแต่มันก็ไม่ช่วยหัอันดับดีขึ้น

มัดใจ Google ให้อยู่หมัด

ที่กล่าวมาทั้งหมดหากนำไปปรับใช้รับรองว่าบทความที่ ทำลงเว็บไซด์ นั้นจะมีผลดีและตรงตามความต้องการของ Google และทำให้เว็บไซด์กลายเป็นเว็บคุณภาพ และอย่าลืมความถี่ห่างและเวลาในการอัพเดทบทความลงเว็บและการโปรโมทเพื่อให้ยอดคลิ๊กเข้ามาที่เว็บด้วยหากทำได้รับรองว่าการทำ SEO ให้เว็บไซด์จะประสบผลที่ดีแม้จะไม่อยู่หน้าแรกแต่หากปรับส่วนอื่นก็สามารถทำให้คนค้นหาแล้วเจอเว็บเราได้ง่ายๆเหมือนกัน

บทความแบบไหนล่ะที่ Google ชอบ

การอ่านคือการจุดประกายความคิดให้คนทำเว็บจริงไหม

มีหลายคนสงสัยว่าบรรดาคนทำเว็บทั้งหลายเขามีไอเดียอะไรกันนะ ถึงสามารถทำเว็บไซด์ได้หลากหลาย หรือหาข้อมูลต่างๆ มาใส่ในเว็บไซด์ได้ตลอดเวลา สิ่งที่จะช่วยให้มีไอเดียนั้นอันดับต้นๆ คือ การอ่าน ไม่ว่าจะอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ อ่านจากเว็บไซด์ไทย หรือ ต่างประเทศ ไอเดียก็เกิดขึ้นได้ เพราะมันช่วยกระตุ้นความคิดคนเราได้

เทคนิค SEO

เชื่อหรือไม่ว่ามีนักทำเว็บและ seo

บางคนหาแรงบันดาลใจจากการอ่าน ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนคิดว่าเขาเหล่านั้นอ่านพวกแนวทางทำเว็บ หรือ อ่านเทคนิคอื่นๆ ที่ตัวเองไม่เคยรู้ จริงๆแล้วมันก็ใช่ แต่ไอเดียที่หลากหลายจากที่ต่างๆจะทำให้ครีเอทงานได้หลากหลายไม่เว้นแม้แต่ seo เพราะการทำ seo หลักๆคือการทำเว็บให้ติดอันดับ ทำเว็บให้มีคนค้นหาเจอได้ง่ายที่สุดในเรื่องที่คนค้นหา แน่นอนว่ามันก็ต้องเกี่ยวกับ คีย์เวิร์ด และคีย์เวิร์ดก็โยงมาบทความ บทความก็โยงมาการอ่าน เห็นไหมว่ามันเกี่ยวข้องกัน บางครั้งหากคิดอะไรไม่ออก ปั่นคีย์เวิร์ดไม่ขึ้น ก็ลองหาอะไรมาอ่านแก้เซ็ง ไม่ว่าจะหนังสือการ์ตูน หรืออ่านคอนเทนต์ต่างๆ แก้เซ็ง มันก็ช่วยให้เราเห็นไอเดียจากการอ่านได้ อย่างน้อยๆ บางคนอ่านเรื่องโน้นนี่ จากเว็บหรือหนังสือ ก็มีจินตนาการในหัวว่าถ้าเป็นเขาทำ หรือเขาเขียนเขาจะทำมันแบบไหน เห็นไหมว่าไอเดียมาแล้ว

การอ่านจะทำให้เรามีจินตนาการ

และเราก็เอามันมาต่อยอดในงานได้ เพราะการอ่านจะทำให้เรามีจินตนาการ

ที่แตกต่างจากที่ตัวหนังสือเสนอมาให้เรา และการอ่านทำให้เรามีสมาธิแน่นอนว่าเมื่อมีสมาธิไอเดียดีๆก็จะวิ่งเข้ามาในหัวเราทำให้เราคิดงานที่คั่งค้างได้ หรือการอ่านหาความรู้ต่อยอดจากสิ่งที่เราทำก็เป็นสิ่งที่ดีและช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย สำหรับคนทำเว็บ และ seo ความรู้มันไม่เคยมีสูตรสำเร็จ และไม่มีคำว่าตายตัว มันพลิกแพลงได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และไม่เคยมีใครบอกว่าตัวเองเก่ง 100% ในวงการ seo มีแต่ทำสำเร็จกับไม่สำเร็จเท่านั้น ซึ่งมันก็มีปัจจัยมากมายที่ทำให้เราทำ seo หรือ เว็บไซด์ล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จ แต่ไม่ว่าอย่างไรการอ่านจะทำให้เราหาหนทางหรือหาแนวทางใหม่ๆได้ ดังนั้นเราก็ถือได้ว่าการอ่านคือการจุดประกายความคิดให้คนทำเว็บ และ seo ได้จริงๆ

รู้จัก SEO แบบเข้าใจง่าย

แต่มันขึ้นอยู่กับว่าจะต่อยอดได้มากน้อยแค่ไหน แม้ว่าบางครั้งสิ่งที่เราอ่านเจอมันอาจจะสวนทางกับแนวทางของเราที่ทำแต่มันก็น่าลองและบางทีมันอาจจะทำให้เรามีแนวทางใหม่ๆและทำให้เว็บของเราดีขึ้น และอันดับ seo ของเราดีขึ้นได้เช่นกัน

เรียนรู้เทคนิค SEO จากการวิเคราะห์เว็บชาวบ้าน

นอกจากการทำ SEO เราจะสามารถหาข้อมูลความรู้ได้จากร้านหนังสือและตำราออนไลน์ทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ความรู้ที่จะสามารถนำไปใช้เองได้ตลอดชีวิตตราบที่เรายังในการทำอันดับในเสิร์จเอ็นจิ้นอยู่ เพราะข้อมูลที่ในหนังสือเขียนก็ไม่ต่างจากหนังสือสอนเล่นหุ้น มันมาจากความน่าจะเป็นทั้งสิ้น ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัวอย่างใดอย่างหนึ่งเลยเพราะว่ากลไกการจัดอันดับนั้น ไม่มีผู้ให้บริการเสิร์ชเอนจิ้นคนไหนออกมาบอกอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเว็บบริการของเค้าจะต้องเจ๊งไม่เป็นท่าอย่างย่อยยับ เนื่องจากคนจะหันมาทำอันดับกันเองแทนการลงโฆษณาผ่านแสดงสินค้านั้นนั่นเอง

และเช่นเดียวกัน Google ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ปกปิดข้อมูล แต่อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ยากเกินไปนักที่เราจะสามารถดูว่าเว็บไซต์ไหนที่เราจะสามารถทำอันดับเว็บของตัวเราเองให้มีอันดับหน้าแรกได้ อย่างไรหลักการง่ายง่ายก็คือวิเคราะห์จากผลการค้นหาของเว็บไซต์ที่ติดอันดับอยู่แล้วนั่นแหละ หรือก็คือการแกะรอยข้อมูลของเว็บไซต์ที่ถูกจัดอันดับในหน้าแรกในหลายๆคีเวิร์ด อย่าไปโฟกัสแค่ว่าคีย์ที่เราต้องการจะทำ เราถึงจะดู แต่อยากให้ดูแต่ละกลุ่มตลาดหลายๆแบบมาเป็นตัวประกอบกัน ว่าแต่ละเว็บไซต์ที่ติดอันดับในหน้าแรกของแต่ละกลุ่มคำค้นหา มีจุดไหนที่มีเหมือนกัน และมีจุดไหนที่ต่างกันออกไป

แนะแนวทาง SEO

จับจุดเหมือนมาใส่เว็บของเรา

เมื่อเราพยามวิเคราะห์หลากหลายเว็บไซต์และพยามหาจุดที่มีเหมือนเหมือนกัน เราก็เพียงเอาข้อเหล่านั้นมาทดลองกับเว็บไซต์ของเราเอง ซึ่ง 80% มันจะออกผลลัพธ์มาในเชิงบวก เพราะว่า Website ที่ถูกติดอันดับหน้าแรกของ Google ย่อมมีการทำในรูปแบบที่ถูกหลักการจัดอันดับอัลกอริทึ่มของ Google เว็บจึงถูกจัดอันดับมาหน้าแรกนั่นเอง ถึงแม้จะไม่รู้ข้อมูลทางทฤษฎีในรูปแบบค่ากำหนดตายตัวต่างๆ เพราะไม่มีเว็บบริการค้นหาที่ไหนมาบอกเรา เราก็สามารถวิเคราะห์ได้จากความเป็นไปได้ของเว็บไซต์ที่ติดอันดับในหน้าแรกและนำมาทดลองกับเว็บไซต์ของเรา

รับรองว่าวิธีนี้ ต่อให้เป็นคำค้นหาทำอันดับยากลำบากอย่างกลุ่มพนัน ไม่ว่าจะเป็น เอสบีโอเบท 928 ผลบอล หรือคำอื่นๆก็ตาม มันก็จะมีทฤษฎีเดียวกันทั้งหมด เราจึงสามารถเรียนรู้ได้จากการดูเว็บไซต์ของชาวบ้านแล้วนำมาปรับแต่งให้เข้ากับเว็บไซต์ของเราในทางที่เหมาะสม อย่าไปพยายามหาจุดต่างของแต่ละเว็บ แต่พยามไปหาจุดเหมือนกันของแต่ละเว็บเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

ดู Code ออนเพจของเว็บไซต์คู่แข่ง แล้วนำมาปรับปรุงให้เว็บของเรา

ในเรื่องของ Off Page นั้นสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงติดตามแกะรอยกันได้อย่างง่ายดาย เพราะมีเครื่องมือเกี่ยวกับ Analytics ต่างๆที่จะคอยอำนวยความสะดวกให้กับเรา เพื่อที่จะใช้ในการช่วยให้เรารู้เว็บคู่แข่งว่าอดีตที่ผ่านมาเคยทำอะไรแต่บ้าง มีลิงค์จากแหล่งไหนที่มีความสำคัญ เคยถูกคู่แข่งรายอื่นโจมตี Off Page ด้วยการยิงลิงค์เข้ามาจำนวนมากหรือไม่ และมีจุดบกพร่อง จุดน่าสนใจตรงไหน ที่เราสามารถนำไปใช้กับเว็บไซต์ของเรา ข้อมูลเหล่านี้เราสามารถติดตามแกรอยเขามาได้ทั้งหมด

นอกจากเรื่องของ Off Pages ก็ยังมีเรื่องของออนเพจที่เราไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน เพราะในส่วนของ On Page นั้น หากเราปรับปรุงออกมาได้ดี การที่จะทำ Off Pages ให้เหนื่อยก็จะลดภาระค่าแรงลงไปได้เยอะเลยทีเดียว ไม่ต้องออกแรงในการหาลิ้งราคาแพงเข้ามาจำนวนมาก ประเด็นก็คือการทำ Off Page นั้นมันไม่ได้ง่ายเสมอไป เนื่องจากเครื่องมือการวิเคราะห์ต่างๆมีไม่ได้เยอะเหมือนการวิเคราะห์ในด้านของ Off Page การปรับออนเพจนั้นจริงๆมันไม่ยาก มีการตรวจสอบเว็บของคู่แข่งง่ายอยู่นิดเดียว นั่นคือการส่องโค้ดโครงสร้างเว็บไซต์เขานั่นเอง บางทีเราไม่จำเป็นต้องพยายามหาเครื่องมือต่างๆมาช่วยในการวิเคราะห์ แต่เราจำเป็นที่จะต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่องของภาษา HTML หรือพวก Java script ไว้บ้าง

กลไกลการทำออนเพจ seo

หากใครที่ไม่มีความรู้พื้นฐานในส่วนของภาษา HTML ก็ควรจะหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อก่อน เพราะภาษานี้มันเป็นพื้นฐานของการทำเว็บไซต์เลยก็ว่าได้หากเราขาดความรู้เรื่องของภาษา HTML การจะต่อยอดความสามารถในเรื่องของ SEO จะเป็นไปได้ยากในส่วนของภาษาจาวาสคริปหรือเจคิวรี่ ภาษาเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องศึกษาอย่างลึกซึ้ง ดูแค่ระดับพื้นฐานก็พอ เมื่อเราดูโครงสร้างเว็บของคู่แข่งเรียบร้อยแล้ว ดูว่ามันมีจุดไหนบ้างที่จะช่วยมาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ของเรา บางคนถึงขั้นก๊อปปี้โค้ดของคู่แข่งมาแล้ว เปลี่ยนเนื้อหา Website ของเราแต่วิธีนี้มันน่าเกลียดเกินไป เราควรดูศึกษาไว้เป็นกรณีเฉยๆว่าโครงสร้างของเขามีความง่ายหรือซับซ้อนมากเพียงใด

เว็บไซต์ที่ติดอันดับดี มักจะจะมีโครงสร้างเว็บที่ดูง่าย มีความรวดเร็วในการโหลดโครงสร้างหน้าเว็บไซต์เพราะ Google เองก็ชอบเว็บที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานให้ดูง่าย เข้าถึงง่าย ไม่รกรุงรัง ไม่โหลดนาน เรื่องพวกนี้มีความจำเป็นอย่างมาก เมื่อเราทำการกระรอยต่างๆจนชำนาญ การที่เราจะมีอันดับเว็บดีขึ้น ไรือจะเขียนโครงสร้าง Theme ขึ้นมาเองเพื่อใช้เพิ่มประสิทธิภาพ SEO ให้ดียิ่งขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ประหยัดต้นทุนด้วยการ Group Buy Tools SEO

เครื่องมือในการทำ SEO นั้น มีอยู่หลายเครื่องมือด้วยกัน ที่มีความจำเป็นในการวิเคราะห์เว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของ Google ทั้งในเรื่องของการวิเคราะห์เว็บไซต์ของตัวเราเอง รวมไปถึงการวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งว่าเคยผ่านการทำเอสซีโอในรูปแบบไหนมาบ้าง แต่ปัญหาก็คือต้นทุนของเครื่องมือเหล่านี้ มีค่าใช้จ่ายที่สูง ยิ่งเครื่องมือที่จำเป็นมากเท่าไหร่ ใช้งานได้ดีมากเท่าไหร่ ค่าบริการรายเดือนก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย การทำเอสซีมืออาชีพมีการให้บริการแก่ลูกค้าหลายเว็บไซต์ ก็อาจจะมีจุดคุ้มทุนอยู่บ้าง แต่ในทางกลับกันหากเป็นนักทำเว็บไซต์ส่วนบุคคลการที่จะต้องไปเสียเงินเพื่อเช่าเครื่องมืออำนวยความสะดวกเหล่านี้ในแต่ละเดือน จะทำให้งบการทำอันดับขาดทุนก็เป็นได้ โดยเฉพาะธุรกิจเล็กๆที่ทำกำไรได้น้อยก็ไม่อยากจะเอาเงินมาลงทุนส่วนนี้สักเท่าไหร่

ทางเลือกที่ดีกว่าก็คือการหาคนหารร่วมหรือก็คือ SEO Group Buy ถึงแม้ว่า Tools SEO ต่างๆ จะมีข้อจำกัดเรื่องของจำนวน IP ที่จะเข้าใช้งานว่าห้ามล็อกอินจากหลาย IP เข้ามาพร้อมกัน ซึ่งเป็นช่องทางการปิดโอกาสให้กับผู้คนที่ต้องการหาร่วมแล้วใช้ราคาถูก แต่จริงๆแล้วก็ยังมีวิธีการเลี่ยงให้สามารถใช้หารร่วมได้อยู่นั่นคือการใช้ Proxy นั่นเอง หากว่าเราไม่มีความชำนาญเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคนบุกเบิกที่จะทำบราวเซอร์ที่ตั้งค่าไว้ให้ต้องล็อกอินผ่าน Proxy เท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้ให้ยุ่งยากวุ่นวาย เพียงแค่เราลองหาเว็บไซต์เปิด Group Buy ของต่างประเทศ เข้ากลุ่มหารร่วมของชาวต่างชาติหลายคนที่เป็นนักทำ SEO เช่นเดียวกับเรา เค้าจะมาหารรวมเครื่องมือต่างๆที่มีความจำเป็น เราชอบเครื่องมือไหนก็เข้าไปลบเอ็นจอยกับเค้าได้

เครื่องมือที่แนะนำมาก็อาทิเช่น Ahrefs, Majesticseo, Moz เครื่องมือที่เกริ่นมาข้างต้นนี้ มีความจำเป็นระดับพื้นฐานของนัก SEO ที่ต้องการทำอันดับหลายเว็บไซต์ ต้องการวิเคราะห์คู่แข่งในเชิงลึก รวมไปถึงรับเป็นผู้ให้บริการเอสซีโออย่างเต็มรูปแบบ หากว่าเราต้องมาเช่าเองคนเดียวหมดแต๋วเดือนคงต้องเสียงเงินหลักหมื่นโดยไม่จำเป็น จะดีกว่าถ้าเราสามารถหากลุ่มหาโดนได้วิธีนี้จะช่วยประหยัดต้นทุนได้อย่างแน่นอน หากกำลังหาใช้เครื่องมือไหน ลองพิมพ์ Google ว่า “group buy” แล้วตามด้วยชื่อ tools นั่น มันอาจจะประหยัดต้นทุนได้มาก

อยากรู้ SEO ต้องทำแบบไหนในปัจจุบัน ดูเว็บที่ติดหน้าแรกสิ

สิ่งที่หลายคนมักมองข้ามไปในการทำ SEO ชอบมองว่าเรื่อง SEO เป็นอะไรที่ยุ่งยากปวดหัว คิดเยอะไปเรื่อย พยายามหาสูตรสำเร็จแบบทำวันนี้ พรุ่งนี้เว็บไซต์มาหน้าแรกทันที คนกลุ่มนี้มีเยอะมากในวงการ SEO พยายามหาเคล็ดลับทางลับๆต่าง บางคนหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ บางคนเจอแต่ใช้ได้ชั่วคราว พอเวลาผ่านไป Google ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อทำลายคนทำเออีโอสายดำ สุดท้ายเขาเหล่านั้นก็ต้องมานับ 1 ใหม่แบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่จะรวยอย่างยั่งยืนจากการทำอาชีพนี้สักทีล่ะ…

แท้จริงแล้วการทำ SEO มันไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ง่าย เราต้องเข้าใจกลไกการจัดอันดับโดยรวมของ Google หรือ Search Engine เจ้าอื่นที่เราต้องการทำให้ติดอันดับ ถึงแม้ว่าจะมีการอัพเดทตัวแปรในการทำดัชนีผลการค้นหาอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ใช่ว่ามันจะเปลี่ยนโครงสร้างทั้งหมดจากพื้นฐานเดิม อย่างที่คนในวงการรู้กัน กูเกิ้ลมีการใช้ตัวแปรมากกว่า 200-300 ปัจจัยที่ใช้มาอ้างคำนวนในการทำอันดับของเว็บไซต์ แถมแต่ละปัจจัยยังคงเป็นความลับของทาง Google เองด้วย ไม่มีการเผยแพร่ นักทำ SEO ล้วนแต่พยายามคาดเดาความเป็นไปได้ในปัจจัยต่างๆและคิดเอาเองว่ามันน่าจะใช่สิ่งเดียวกับที่ตัวเองคิด การคิดแบบนี้เป็นการเข้าข้างตัวเองอย่างมาก เพราะมันคือการมโนโดยไม่มีข้อมูลอะไรอ้างอิงได้เลย หากใช้แต่ความมโน ถาม 100 คนก็คงตอบออกมาไม่เหมือนกันแน่นอน จะง่ายว่าไหมหากเรารู้จัก Search Engine Optimization Tips ในฉบับที่เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาคาดเดาสุ่ม ที่สำคัญ มีการอ้างอิงจากผลลัพธ์จริงด้วย นั่นคือ “วิเคราะห์จากเว็บที่ติดหน้าแรก”

รู้จัก SEO แบบเข้าใจง่าย

แกะรอยเว็บติด Top 10 ในผลการค้นหา

เคล็ดลับที่แสนง่ายในการดูว่าแต่ละช่วงเวลา การทำ SEO แบบไหนยังคงได้ผลอยู่ แบบไหนไม่ได้ผลแล้ว ต้องออกแบบเว็บอย่างไรจึงจะดี เพียงแค่ดูเว็บที่ติด TOP 10 ในหลายคีย์แล้วนำจุดที่แต่ละเว็บมีเหมือนกัน ใช้เหมือนกัน ทั้งในเรื่องออนเพจและออฟเพจมีลองปรับเข้ากับเว็บไซต์ดู ให้เราคิดง่ายๆว่าเว็บไซต์ที่ติดหน้าแรกของผลการค้นหานั่นมันต้องสร้างเว็บไซต์โดยรวมได้ตรงกับความต้องการของ Search Engine แต่ละแห่งนั่นเอง เช่น กรณีเราจะทำ SEO คำว่า FIFA55 ให้ลองเสิร์จคำนี้ใน Google ดูก่อนแล้วไล่แกะ TOP 10 ของคีย์เวิร์ดนี้มาดูว่าแต่ละเว็บมีส่วนไหนที่เหมือนกัน ส่วนไหนที่ต่างกัน โครงสร้างเว็บซับซ้อนมากแค่ไหน แหล่งที่มาของลิ้งเป็นรูปแบบใดเป็นหลัก แต่ละเว็บคล้ายกันมากหรือน้อย นอกจากนี้ ยังควรดูพวกคีย์รองที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน อาทิ ฟีฟ่า55 FIFA555 เว็บฟีฟ่า ซึ่งพวกคำย่อยถ้าเราไม่รู้คีย์เวิร์ดรองในกลุ่มนั้น ก็สามารถใช้คีย์เวิร์คที่ Google แนะนำในช่วงท้ายของหน้าผลการค้นหามาใช้ดูเพื่อวิเคราะห์ได้

ที่ทำแบบนี้ เพราะบางทีเว็บที่ติดอันดับคีย์หลักสูงๆ อาจไม่มีอันดับในคีย์รองเลย และอาจมีบางเว็บที่อันดับในคีย์หลักมาพอสมควรอาจไม่สูงนัก แต่มีติดคีย์รองเพียบเป็น 10-20 คำ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องดูว่าเพราะสาเหตุอะไร ค่อยๆไล่แกะไปเรื่อยๆน่าจะพบคำตอบได้ไม่ยากนัก อันไหนมันดูงงก็ข้ามไป อันไหนแต่ละเว็บมีการนำมาใช้เหมือนกันและติดอันดับผลการค้นหาดีก็โน๊ตจดจำไว้ สุดท้ายก็ต้องมาดูว่า การเน้นเฉพาะคีย์หลัก กับการหว่านคีย์รองและหลักให้ไปพร้อมกัน แบบนี้จะทำเงินดีและความเสี่ยงต่ำกว่า ของพวกนี้ไม่ได้ยาก SEO ไม่ใช่เรื่องที่ต้องพยายามมโนขึ้นมาเองในหัว แต่เราสามารถใช้ประโยชน์จากผลการค้นหานำมาประยุกค์ใช้กับเว็บของตนได้ วิธีนี้คือการเรียนรู้ SEO ที่ดีและถูกต้องที่สุด ไม่ต้องไปหลงเชื่อคารมของเหล่าเซียนในแวดวงการนี้ เพราะเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้รู้คำเฉลยของ Search Engine แต่ละค่ายเช่นเดียวกับเรา หน้าที่ของการทำเว็บให้ติดอันดับดีๆคือ สังเกตุ เรียนรู้ ทดลอง แค่นี้รับรองว่างาน SEO จะไม่ปวดหัวเหมือนอย่างที่เป็นอีกต่อไป

อันดับ Google ดีแล้ว Yahoo กับ Bing จะดีไปด้วยไหม ?

คำถามยอดฮิตที่คนใหม่ที่เข้าวงการมาสงสัยกันอยู่มาก หากเว็บไซต์ของเราทำทั้ง On Page และ Off Page จนอันดับติด Google หน้าแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันจะส่งผลให้ Search Engine อย่างพวก Yahoo, Bing, Baidu, Ask หรือเว็บค้นหาอื่นๆมีอันดับดีตามไปด้วยไหม จากที่ได้อ่านคอมเม้นจำนวนมาก นักทำ SEO หลายคนก็มีทั้งบอกว่าดีขึ้นตามไปด้วย และบางส่วนก็บอกว่าไม่ได้มีอันดับดีตาม Search Engine Google ทำให้เป็นคำถามที่ไม่จบไม่สิ้น คนใหม่เข้ามาอ่านก็ได้แต่ต้องสุ่มเลือกว่าจะเชื่อใครดีหนอ แต่ละความเห็นไม่เหมือนกัน ถูกแบ่งออกเป็นสองมุมมองอย่างชัดเจน แล้วสรุปความเป็นจริงมันเป็นอย่างไรกันแน่…

สำหรับตัวผู้เขียนเองมีความเห็นในกลุ่มหลัง นั่นคือเชื่อว่าว่าถึงแม้ใน Search Engine อันดับ 1 อย่าง Google เว็บไซต์ของเราจะติด Top 1 ก็ตาม ก็คงไม่ได้ส่งผลให้อันดับใน Seaech Engine เว็บอื่นมีอันดับดีตามไปด้วย เราต้องมองให้ออกว่าแต่ละเว็บไม่ได้เป็นบริษัทเดียวกัน ต่างคนต่างผลิตเครื่องมือค้นหามาแข่งกันในตลาดกลุ่มนี้ ต้องบอกว่าการที่เราทำเว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกในคำค้นหา “ไวอากร้า” บน Google.co.th ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะติดอันดับหน้าแรกใน Yahoo.com สักหน่อย แน่นอนว่าปัจจัยการทำอันดับย่อมแตกต่างกันพอสมควรเลย คงเป็นเรื่องตลกไม่น้อย ถ้าวันนี้ Bing เห็นว่าคนนิยมใช้ Google มากที่สุด Bing เลยพยายามที่จะให้ผลการค้นหาของตัวเองออกมาเหมือนในผลการค้นหา Google การทำแบบนี้ก็เหมือนเป็นผู้ตามเขา ไม่มีวันขึ้นแซงได้แน่นอน และที่สำคัญกว่านั้นคือ เป็นไปได้ยากมากที่แต่ละผู้ให้บริการเว็บค้นหาจะรู้กลไกการจัดอันดับของกันและกัน เพราะนี่คือความลับในทางธุรกิจ หากถูกเผยแพร่ออกหมดเปลือกย่อมทำให้ธุรกิจเจ้านั้นเจ๊งอย่างแน่นอน หากรู้ว่าคนเริ่มจับทิศทางตัวแปรคำนวนอันดับได้เยอะเกินไป ก็จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขในการคำนวนอันดับใหม่ ไม่งั้นคนจะทำ SEO กันเองหมดเพราะรู้ความลับทุกเงื่อนไขที่ใช้คำนวนอันดับแล้ว คงไม่มีคนมาลงโฆษณา ถ้าพูดถึงคีย์เวิร์ดทำเงินอย่าจีคลับ ซึ่งถือเป็นคีย์ทำเงินไม่น้อย ผู้ให้บริการ Search Engine ย่อมสามารถคิดราคาโฆษณาต่อคลิกได้ในเรทแพงพอสมควรสำหรับคีย์เวิร์ดจีคลับ แต่ถ้าคนส่วนใหญ่รู้กลไกการทำ SEO ก็จะทำให้ไม่มีคนมาลงโฆษณา เพราะคนส่วนใหญ่จะไปทำ SEO กันเอง ทำให้ Search Engine ขาดรายได้จากค่าโฆษณาจำนวนมหาศาลเลย

สแปมลิงค์ทำอันดับใน Yahoo กับ Bing ง่ายกว่า Google

จากที่ลองทดสอบมา Search Engine อย่าง Bing หรือ Yahoo ก็ตาม จะทำอันดับง่ายกว่า Google ถ้าเราทำในวิธีการสแปมลิงค์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพวกคีย์เวิร์ดเฉพาะ อาทิ odet brand ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์สินค้าโดยตรง จะยิ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงของอันดับได้ชัดเจน เนื่องจากมีคู่แข่งต่ำ สำหรับการทำ SEO สายสแปมลิงค์ ถึงจะมีหลายเว็บที่ต้องล้มหายตายจากไปเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะโดนทั้งหมด ยังคงมีอยู่หลายเว็บที่อันดับดีแม้จะทำแบบสแปมลิงค์เข้ามาเยอะๆก็ตามที่ ถึงจะเป็นแบบนั้น Search Engine อย่าง Bing และ Yahoo ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่ากับ Google เราจะหวังเรื่องการทำอันดับให้ง่ายอย่างเดียวคงไม่ได้ เราต้องดูปริมาณค้นหาของผู้ใช้งานด้วย ถ้าเว็บอันดับใน Yahoo และ Bing ดี แต่ปริมาณค้นหาน้อย การทำ SEO ของ Search Engine 2 ตัวนี้ก็อาจไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปสักเท่าไหร่

ถึงแม้ว่าตัวแปรในการคำนวนอันดับของแต่ละเจ้าจะต่างกันอยู่พอสมควร ก็ไม่ใช่ว่าอันดับจะไม่มาเลยในเว็บค้นหาอื่นๆ มันอาจจะมาพร้อมกันในบางเว็บไซต์ บางทีเราอาจทำเว็บไปโดนจุดสำคัญที่ทำให้เว็บอันดับดีขึ้นในหลายผู้ให้บริการเว็บค้นหา ก็จะทำให้อันดับโดยรวมของแต่ละเว็บค้นหาดีขึ้น แต่มันไม่ใช่ทุกครั้งที่จะเป็นแบบนั้น เราควรเลือกทำอันดับเว็บค้นหาเว็บเดียวพอ จะได้ปรับแต่งเว็บและสร้างลิงค์ย้อนกลับได้อย่างมีแบบแผนชัดเจนมากกว่า หากคาดหวังให้ทุก Search Engine ดีพร้อมๆกันหมด เวลาปรับแต่งเว็บจะลำบากมาก แทบทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะปรับเว็บที เว็บค้นหาแรกอันดับดีขึ้น แต่เว็บค้นหาที่สองกลับอันดับร่วง แล้วจะทำยังไงล่ะ โฟกัสแค่ Search Engine เว็บเดียวไปเลยแล้วที่เหลือขึ้นตามก็ดี ไม่ขึ้นก็ไม่เป็นไร แบบนี้น่าจะดีกว่า

ความสำคัญของ Meta Tags บนหน้า SERP

ถ้าเรายังไม่เคยได้ศึกษา SEO อย่างละเอียด อาจจะไม่รู้ว่า Meta Tags คืออะไร มันคือ Tags ภาษา HTML ทั่วไปนี่แหละ ไม่ได้เป็นศัพท์เฉพาะในทาง SEO เลย และมักจะถูกใส่ไว้อยู่ในระหว่างแท็ก Head ด้านบนของเว็บ แต่ที่เราต้องมาทำความรู้จักกันสักหน่อย เพราะมันค่อนข้างสำคัญไม่น้อยในเรื่องของการทำ SEO ตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน มันจะเป็นสิ่งที่ไว้แสดงผลให้ผู้ที่กำลังค้นหาข้อมูลได้เห็นบน SERP เราอยากจะให้ข้อมูลเว็บเราโชว์ข้อความแบบไหนก็สามารถปรับแต่งได้ เพื่อที่จะให้ดูน่าสนใจและชวนให้ผู้ใช้คลิกเข้ามาดูยังเว็บไซต์ของเรานั่นเอง

โดยปกติแล้ว เวลาเราค้นหาข้อมูลผ่าน Web Search Engine Google เราจะพบข้อมูลของแต่ละเว็บไซต์ที่จะแบ่งออกได้ 3 ส่วนหลัก นั่นคือส่วนของข้อความสีน้ำเงิน จะเรียกส่วนนี้ว่า Title ของเว็บไซต์ และตามด้วยแถบตัวอักษรสีเขียวที่เป็น URL ของเว็บไซต์เรา และส่วนสุดท้ายคือข้อความสีดำ อาจยาวประมาณ 1-2 บรรทัด ส่วนนี้จะเรียกว่ารายละเอียดของเว็บไซต์ นอกจากนี้ บางเว็บไซต์อาจจะมีเมนูย่อยอื่นๆโผล่มาด้วย ซึ่งก็แล้วแต่ว่ากลไลโครงสร้างของหน้าเว็บจะถูกนำมาประมวลผลแบบไหน บางเว็บไซต์มีการสร้างตำแหน่งธุรกิจของตนเองไว้ใน Google Business ด้วย เวลาค้นหาในเรื่องที่เกี่ยวข้องของเว็บไซต์เหล่านั้น อาจจะเจอข้อมูลของเว็บในส่วนของแผนที่และเบอร์โทรติดต่อ ซึ่งจะเพิ่มความน่าสนใจเพิ่มขึ้นไปอีก

Meta Tags มีผลอย่างไรกับผู้ใช้งาน ?

เมื่อ Search Engine จับข้อมูลต่างๆของเว็บไซต์เรานำไปประมวลผลและจัดอันดับให้บนหน้าผลการค้นหา สิ่งที่จะเป็นข้อมูลที่ถูกนำไปแสดงผล ก็คือมันจะเข้ามาจับข้อมูลส่วนของ Title เว็บไซต์ และนำไปแสดงผลในส่วนของข้อความสีน้ำเงินบนหน้า SERP หากว่าเราเขียน Title ของเว็บไซต์ได้น่าสนใจ อย่างเช่นระหว่าง Title “หน้าขาว หน้าใส ราคาถูก ใช้ดีจริง” กับ “ครีมหน้าขาว เห็นผลใน 7 วัน คลิกสั่งซื้อเลย” เวลามีผู้ใช้งานค้นหาเจอเว็บไซต์ของเรา คิดว่าเขาจะสนใจคลิกอันไหนมากกว่ากัน.. ? บางทีต่อให้เราขึ้นติด Top 1 ของผลการค้นหา แต่เขียนไตเติ้ลเว็บไซต์ไม่น่าสนใจ เว็บไซต์ที่ติด Top 2 อาจจะมีคนเข้าเว็บเยอะกว่าเราก็เป็นได้ สำหรับ Title ถือเป็นส่วนสำคัญมาก ดังนั้นเราก็ควรจะเขียนให้ดูน่าสนใจชวนคลิกเข้าเว็บไซต์ แต่อย่าลืมเรื่องคีย์เวิร์ดด้วย ในไตเติ้ลควรจะมีคีย์เวิร์ดที่เราต้องการให้ติดอันดับไว้ด้วย หากเราขายอาหารเสริมเพศชายก็ควรมีคำว่าอาหารเสริมสําหรับผู้ชายปะปนอยู่ในไตเติ้ลของหน้าเว็บเพจนั้นๆ เพื่อให้การทำ SEO ง่ายขึ้น

ส่วนของ URL ก็จะมีความสำคัญอยู่บ้าง ระหว่างคนค้นหาเจอ URL แบบ aaa.com/?p=12 กับแบบ aaa.com/creambeauty อันหลังนี้ก็ย่อมให้ความน่าสนใจมากกว่า แถมยังส่งผลดีในเรื่อง SEO ด้วยถ้า URL มีคีย์เวิร์ดที่เราต้องการทำอันดับปนอยู่ ส่วนสุดท้ายที่สำคัญคือ Description หรือเนื้อหานั่นเอง หากเรามีการกำหนด Meta Tags Description ไว้ในส่วนของ Head ทางบอทของกูเกิ้ลเองก็จะมาเก็บข้อมูลส่วน Meta Tags Description นี้แหละไปแสดงผลในส่วนของรายละเอียดเว็บไซต์บนหน้า SERP หากอยากให้โชว์ข้อมูลแบบไหนที่หน้าผลการค้นหา เราสามารถใช้ Meta Tags นี้ช่วยได้ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจในการคลิกเข้ามายังเว็บไซต์แก่ผู้ใช้งาน

ความเปลี่ยนแปลงในอดีตถึงปัจจุบัน

เมื่อสมัยแรกๆที่ Google ได้ออกมาพูดให้ความสำคัญเรื่องของ Meta Tags ช่วงนั้นเว็บไหนใส่ Meta Tags ครบ ก็มักจะมีอันดับดีกว่าเว็บที่ไม่ได้ใส่ Meta Tags แต่เดี๋ยวนี้พฤติกรรมผู้ใช้ก็แปรเปลี่ยนไปบ้าง ระบบคำนวนอันดับก็ต้องเปลี่ยนแปลงตาม เรื่องของ Meta Tags อาจถูกลดความสำคัญไปบางส่วน แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม แบบเมื่อก่อน Meta Tags Keywords นักทำ SEO นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะเป็นตัวบ่งบอกว่าเว็บเราเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดไหน จนเกิดการสแปมคีย์เวิร์ดในแท็กนี้ ทำให้การให้คะแนนแท็กนี้ถูกลดความสำคัญลงอย่างมาก เรียกได้ว่า จะใส่หรือไม่ใส่ Meta Tags Keywords ผลก็ไม่ต่างกันมาก อีกเรื่องหนึ่งก็คือแท็ก Description ที่เดี๋ยวนี้ต่อให้เราระบุเนื้อหาไว้ในแท็กเรียบร้อยแล้ว บ่อยครั้งที่บอท Google เลือกที่จะเก็บข้อมูลเนื้อหาส่วนอื่นของเว็บเรามาแสดงผลแทน มักจะไปเอามาจากแท็ก Body ของเว็บไซต์แทน Meta Tags Description แต่บางเว็บก็ยังคงแสดงผลเนื้อหาจาก Meta Tags Description อยู่ ในอนาคตเราก็ไม่มีทางรู้ได้อีกเช่นกันว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรอีกหรือไม่ แต่ปัจจุบันนี้หากต้องการทำเว็บให้ติดอันดับดีและชวนน่าคลิก ก็อย่าลืมใช้ Meta Tags เข้าช่วย อนาคตค่อยว่ากัน ตอนนี้ทำในสิ่งที่ควรทำไปก่อน

ที่ยกตัวอย่างมามีเพียงแค่ 3 ส่วนเท่านั้น คือ Title ของเว็บ Meta Tags Description และ Meta Tags Keywords จริงๆยังมี Meta Tags อื่นอีกเยอะพอสมควรที่อาจมีส่วนช่วยในเรื่อง SEO หรืออาจไม่ได้มีส่วนช่วย SEO แต่ไปช่วยในเรื่องของการอ่านข้อมูลหน้าเว็บไซต์แทนอย่างพวก Meta Tags Charset เป็นต้น หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องแท็กเหล่านี้ สามารถดูข้อมูลเพิ่มจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับภาษา HTML หรือจากลิงค์นี้ก็ได้ >> https://goo.gl/0Nphyo

เทคนิคง่ายๆ การค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเว็บของเรา

เราคงเคยได้ยินมาอยู่เสมอว่า Backlinks ที่น่าจะเหมาะกับเว็บไซต์ของเรามากที่สุด ควรจะเป็นเว็บไซต์ที่มีเรื่องราวไปในทิศทางเดียวกัน ยกตัวอย่างคือ หากเราทำเว็บไซต์ขายอะไหล่รถยนต์ หากเราได้รับลิงค์ย้อนกลับจากพวกเว็บรถยนต์ก็คงจะดีกว่าได้ลิงค์ย้อนกลับจากพวกเว็บเครื่องสำอางค์อย่างแน่นอน แต่เราจะไปหาได้จากไหนล่ะ ส่วนใหญ่ที่แจกรายชื่อเว็บให้เข้าไปทำลิงค์ฟรีกันจะเป็นเว็บซื้อขาย เว็บเฉพาะทางไม่ค่อยมีคนแจกรายชื่อเว็บกันหรอก แต่ Google มันพิเศษกว่านั้น คือมันมีวิธีค้นหาเว็บที่สามารถค้นตามเงื่อนไขที่เราตั้งไว้ได้โดยการค้นหาในรูปแบบผ่านคำสั่ง วันนี้เราจะมาดูสัก 2 คำสั่งที่จะช่วยให้เราหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บเราได้แบบไม่ยาก

คำสั่งแรก inurl: สำหรับคำสั่งนี้จะหมายถึงเราต้องการให้ Google ทำการแสดงข้อมูลรายชื่อเว็บที่มีเงื่อนไขในชื่อของ url หากเราใส่ว่า inurl:seo แบบนี้ จะหมายความว่าให้ Google แสดงผลเฉพาะหน้าเว็บเพจที่ url มีคำว่า seo เท่านั้น ไม่ว่าคำนี้จะอยู่ในตำแหน่งชื่อโดเมนหรือส่วนหลังจากชื่อโดเมนก็ตาม เช่น domeseo.com หรือ dome.com/seo-keywords หากมีคำว่า SEO อยู่ใน url มันก็จะนำมาแสดงผลทั้งหมด วิธีการใช้คำสั่งนี้หาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องก็แค่กรอกคีย์เวิร์ดสำคัญต่อลงไปต่อท้าย inurl: แค่นี้มันก็จะแสดงผลรายชื่อเว็บที่มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่เราใส่แล้ว จะใส่เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ เดี๋ยวนี้ Google ฉลาดขึ้นเยอะ

คำสั่งที่สอง intitle: คำสั่งนี้ก็จะคล้ายกับคำสั่งแรก เพียงแต่มันจะไม่ได้จับเงื่อนไขตรง url แต่จะไปจับเงื่อนไขที่ Title ของเว็บไซต์นั้นๆแทน หาก Title เว็บไหนมีคีย์เวิร์ดตรงตามเงื่อนไขก็จะถูกนำมาแสดงผลนั่นเอง เช่น intitle:seo หรือ intitle:แทงบอล เป็นต้น แต่วิธีนี้จะไม่ค่อยเหมาะเท่าคำสั่ง inurl: เพราะถ้าใช้ intitle: เดี๋ยวนี้ไตเติ้ลของแต่ละเว็บมักมีการหว่านคีย์เวิร์ดเยอะเกินไป เช่น แทงบอลผ่านเน็ต อาจจะหาหน้าเว็บที่เข้าไปทำลิงค์ย้อนกลับได้ลำบากกว่า แบบบางทีมีคนโพสขายสินค้าตามเว็บประกาศฟรีหลายพันเว็บ โดยใช้ Title เป็นคีย์เวิร์ดด้วย เวลาเราค้นผ่านคำสั่ง intitle: ก็อาจจะเจอเว็บประกาศฟรีพวกนั้นหลุดมาได้เหมือนกัน

เมื่อเรารู้คำสั่งแล้ว การหาเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเพจที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับเว็บของเราก็คงจะไม่ยากเกินตัวไป เราเพียงแค่ไล่หาเว็บที่สามารถเข้าไปทำลิงค์ย้อนกลับได้ก็เป็นอันเสร็จ แต่ควรดูด้วยว่าเว็บที่จะเข้าไปสร้างลิงค์นั้นมันเข้าข่ายโดนสแปมมาไหม บางทีจะเจอเว็บเก่าๆที่มีคนมาสแปมลิงค์มหาศาล เจอแบบนี้ก็เลี่ยงไปนะครับ

ลิงค์ย้อนกลับจากโดเมนคุณภาพ ย่อมส่งผลลัพธ์ SEO ในด้านดี

เห็นพวกเซียน SEO เขามักจะพูดกันว่า ถ้าเราได้รับ Backlinks จากโดเมนคุณภาพสูง ก็จะส่งผลดีในทาง SEO ไปด้วย คนที่กำลังพึ่งเริ่มต้นศึกษาการทำ SEO อาจจะสงสัย แล้วมันไปเกี่ยวกันได้ยังไง ก่อนอื่นเรามามองโลกอินเตอร์เน็ตแบบกว้างๆกันเสียก่อน อย่างเว็บไซต์ Facebook.com ณ เวลานี้มีปริมาณคนเข้าสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่ Google แค่นั้นเอง แน่นอนว่าเว็บ Facebook ในสายตาของเรา ก็จะมองได้ว่าเป็นเว็บที่มีคุณภาพ มีระบบรักษาความปลอดภัยสูง แม้จะเป็นเว็บสังคมออนไลน์ที่ข้อมูลสามารถรั่วไหลได้ง่าย แต่เฟสบุ๊คก็ยังคงปกปิดข้อมูลสำคัญของผู้ใช้แต่ละรายได้เป็นอย่างดี จนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมาถึงทุกวันนี้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะมองว่าเว็บนี้เป็นเว็บคุณภาพไปซะหมด บางคนก็มองว่าเป็นเว็บไม่มีคุณภาพ เพราะมักจะมีพวกสแปมเข้ามาเป็นระยะ ไม่ก็มีเว็บข่าวปลอม เพจปลอมที่เอารูปคนดังมาเรี่ยไรหลอกเงินคนอื่น แถมบางทีเฟสเราก็ไปกดไลค์เองอัติโนมัติเพจใครก็ไม่รู้

ส่วนแรกที่บอกว่าเจอสแปมเยอะ โดยเฉพาะเว็บโป๊หรือเว็บการพนันทั้งหลาย อย่าลืมว่า Facebook เป็นเว็บสังคมออนไลน์ที่เราสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้อื่นได้ตลอดเวลา นั่นก็หมายความว่า ทุกการกระทำที่ผิดกฎเฟสบุ๊ค หากเป็นการกระทำที่ผู้ใช้สามารถทำได้ทันที มันก็จะถูกนำมาแสดงผลก่อนที่ระบบจะตรวจเจอ เหมือนที่เราเจอพวกเว็บโป๊ตามกลุ่มในเฟสนั่นแหละ แต่หากมีการโพสไปแล้ว ถ้าระบบตรวจสอบเจอหรือมีคนแจ้งรายงานว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎ มันก็จะจัดการลบและแจ้งเตือนไปยังคนที่โพส หากมีการกระทำซ้ำอีกก็จะทำการแบนจนชื่อเว็บไซต์เหล่านั้นไม่สามารโพสในเฟสบุ๊คได้อีกเลย แต่พวกนักสแปมก็ใช่ว่าจะยอม นักสแปมแก้ปัญหาโดยวิธีไปจดโดเมนใหม่มาโพสแทน แบบนี้ก็มีถมเถไป อย่างเคยโพสเว็บพนันพวก w88 ตามกลุ่มได้ พอโดนบล็อคโดเมนแรกที่โพสไป ก็ใช้วิธีจดโดเมนใหม่เอามาโพส พอคนเข้ามาชม ภายในเว็บที่โพสไปใหม่ก็จะมีลิงค์ให้คนคลิกเข้าเว็บ w88 ที่เคยโดนแบนไปก่อนหน้า เหมือนเอาโดเมนใหม่มาบดบังโดเมนอันแรกไว้นั่นเอง

ซึ่งระบบเฟสบุ๊คเองก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆเพื่อจัดการกับวิธีการเหล่านี้ ส่วนพวกเว็บข่าวปลอมหรือเพจปลอมเองก็เช่นเดียวกัน ในทางระบบตรวจสอบอัติโนมัติของ Facebook ไม่สามารถรู้ได้ว่าเว็บไหนข่าวจริงข่าวปลอม แต่หากมีคนแจ้งรายงานเพจหรือเว็บเหล่านั้นเยอะๆ เกี่ยวกับข้อหาการละเมิด ทางเฟสบุ๊คเองก็จะมีคนเข้ามาตรวจสอบและจัดการให้ เพราะนี่คือระบบสังคมออนไลน์ เรื่องเหล่านี้จะให้ระบบตรวจสอบเองทั้งหมดไม่ได้ เนื่องจากมันมีความละเอียดอ่อนเกินไปที่หากใช้ระบบอัติโนมัติทั้งหมด อาจจะไปกระทบกับข้อมูลสำคัญของผู้ใช้บางรายได้ เราจึงต้องช่วยกันจัดการด้วยส่วนนึง และปัญหาที่มักจะเจอกันอันสุดท้ายคือบางคนพบว่าเฟสของตัวเองไปกดไลค์เพจหรือกดติดตามคนอื่นเองโดยอัติโนมัติ สำหรับเฟสบุ๊คนั้นจะมีเครื่องมือให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถสร้าง Apps ของตัวเองได้ ซึ่งในบาง Apps ที่มีคนสร้างขึ้น มันจะมีการขอสิทธิการเข้าถึงข้อมูลของเราหากเราต้องการใช้งาน Apps เหล่านั้น มันเลยเกิดช่องทางให้ผู้ไม่หวังดีสร้าง Apps หลอกให้คนคลิกเข้ามาแล้วกดยอมรับให้เข้าถึงข้อมูล ทีนี้เจ้าของ Apps เหล่านั้นก็จะสามารถเข้าเฟสเราได้ผ่านระบบที่เรียกว่า Token ซึ่งเรื่องนี้มันเกิดจากความยินยอมของตัวเราเอง ดังนั้น ก่อนจะเล่น Apps อะไรก็ให้อ่านรายละเอียดให้ดีก่อนที่จะกดยินยอมให้ Apps สามารถเข้าถึงข้อมูลเราได้

ออกทะเลมาซะไกล กลับมาในเรื่องของคุณภาพของโดเมนกันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีผู้ใช้บางรายมองว่า Facebook เป็นเว็บที่มีปัญหานู่นนี่ แต่ร้อยละ 99 ของคนทั่วโลกที่ใช้งาน เลือกที่จะให้การยอมรับและเข้าใช้งานเว็บนี้อยู่เป็นประจำ เมื่อคนให้การยอมรับมากกว่าไม่ยอมรับ ทาง Search Engine มันเลยมองว่าเป็นเว็บไซต์คุณภาพนั่นเอง

แล้วเกี่ยวอะไรกับผลดีในทาง SEO ล่ะ ?

ที่กล่าวข้างไว้ช่วงแรก สมมุติว่าเราทำเว็บไซต์เกี่ยวกับแทงบอล SBOBET ที่เน้นกลุ่มผู้เล่นในประเทศไทย เนื้อหาภายในเว็บเราสร้างเองทั้งหมด ข้อมูลโปรโมชั่นต่างๆ ทางเข้าเล่น เราเป็นคนลงข้อมูลเนื้อหาเอง ไม่ซ้ำกับเว็บแทงบอลแห่งอื่น แล้วอยู่ๆวันดีคืนดี เว็บกีฬาฟุตบอลดังๆได้มีการสร้างการเชื่อมโยงลิงค์มายังเว็บเรา อาจเป็นเพราะเห็นว่าเว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือ ดูดีมีสกุล หรืออาจเป็นเพราะเราไปขอทางเว็บฟุตบอลดังๆให้ช่วยติดลิงค์ย้อนกลับมายังเว็บเราเพื่อหาลูกค้าเข้ามาเล่นเดิมพันฟุตบอลก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการติดลิงค์ย้อนกลับด้วยวิธีการแบบไหน จะติดลิงค์จากหน้าหลักของเว็บกีฬาฟุตบอล หรือจากหน้าผลฟุตบอลประจำวัน หรือหน้าเว็บอื่นๆที่อยู่ในเว็บไซต์ก็ตาม ถ้าเรามีลิงค์ย้อนกลับจากเว็บคุณภาพสูงและเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของเว็บเราโดยตรงดังตัวอย่างนี้ เรารู้สึกไหมว่าเว็บเราเริ่มได้รับการยอมรับจากเว็บขนาดใหญ่.. ? คำตอบคือใช่แน่นอน ในทาง Search Engine เองเมื่อเห็นว่าเว็บของเราถูกนำไปแชร์ผ่านเว็บไซต์ใหญ่จำนวนมาก มันก็ย่อมให้คะแนนด้าน SEO แก่เว็บเราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นการที่เราไปขอติดลิงค์เพื่อทำการโฆษณาเว็บก็ตาม เว็บก็จะมีอันดับดีขึ้น เพราะ Search Engine ไม่มีทางรู้ได้ว่าลิงค์ย้อนกลับที่เก็บข้อมูลมาได้นั้น เป็นการติดโดยที่เจ้าของเว็บรายใหญ่สมัครใจหรือเป็นการที่เราไปขอติดลิงค์

ในทางกลับกัน หากเว็บเราถูกนำไปแชร์ตามเว็บขยะ เว็บสแปม หากถูกนำไปแชร์จำนวนมาก ทาง Search Engine ก็มีโอกาสมองว่าเว็บเราเป็นขยะไปด้วยเช่นกัน (ตามจริงเว็บขยะไม่ค่อยเอาเว็บเราไปแชร์หรอก นอกเสียจากเราจะเอาข้อมูลเว็บเราไปโพสเอง) นี่คือเรื่องสำคัญไม่น้อยที่ต้องระวัง บางคนคิดไปเองว่าถ้าเว็บเราถูกแชร์ในหลายๆเว็บเยอะๆ Search Engine จะมองว่าเว็บเรากำลังได้รับความนิยม เมื่อก่อนอาจจะมีช่วงที่เป็นแบบนั้นจริง แต่ทุกอย่างย่อมมีการอัพเดทให้เข้ากับยุคสมัย สมัยนี้การทำเยอะๆไม่มีประโยชน์เท่าไหร่แล้ว จะมีแต่ผลเสียที่ตามมาแทนคือเว็บไซต์เราถูกมองว่าเป็นสแปมในทันที เราควรเลือกเอาเฉพาะลิงค์จากโดเมนคุณภาพดีกว่า

หลังจากที่ความรู้ความเข้าใจเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง SEO กับโดเมนคุณภาพ ถูกบอกต่อไปในวงกว้าง ก็มีผู้ให้บริการรับทำ SEO จำนวนไม่น้อย เลือกที่จะหาซื้อโดเมนเหล่านี้มาครอบครองไว้เอง ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด ใครที่มีโดเมนคุณภาพอยู่ในมือเยอะๆ ย่อมได้เปรียบกว่าคนที่ไม่มีโดเมนคุณภาพไว้ครอบครอง กลายเป็นว่าในตลาด SEO ทุกวันนี้ นอกจากจะแข่งวัดกันที่ฝีมือแล้ว ต้องวัดทุนกันเสียด้วย ถ้าเก่งเหมือนกัน แต่อีกคนทุนหน้า อีกคนทุนน้อย คนทุนน้อยก็คงต้องยอมเสียเปรียบ ถ้าเราไม่มีเงินทุนขนาดที่จะมากวาดซื้อโดเมนคุณภาพในตลาดซื้อขายโดเมน ก็อย่าได้น้อยใจไป ลองเลี่ยงไปทำพวกคีย์เวิร์ดที่คู่แข่งต่ำแต่ทำเงินได้สูงแทนดู สำหรับคีย์เวิร์ดย่อยๆ ผู้ให้บริการ SEO เจ้าใหญ่เขาไม่ค่อยมาลงแข่งสักเท่าไหร่ ก็ถือเป็นโอกาสดีของเหล่า SEO ทุนน้อย หากขยันทำหลายๆคีย์ รายได้รวมก็คงไม่น้อยหน้าคีย์ใหญ่คีย์เดียวแน่นอน ไว้วันที่เราพร้อมเรื่องเงินทุนและกล้าเสี่ยงลุยตลาดออนไลน์อย่างเต็มที่ ค่อยลงแข่งในคีย์เวิร์ดแข่งขันสูงกับพวกรับทำ SEO เจ้าใหญ่ก็ยังไม่สาย