โครงสร้างเว็บไซต์แบบไหนที่เป็นมิตรกับ SEO

ธุรกิจยุคนี้จำเป็นต้องมีเว็บไซต์ แม้ว่าโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Pinterest ที่เข้าถึงลูกค้าง่าย และสะดวกกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เหตุผลคือโครงสร้างของเว็บไซต์นำเสนอข้อมูลอย่างละเอียดและยังสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น การที่จะทำให้ธุรกิจมีศักยภาพการแข่งขันสูงจำเป็นต้องมีช่องทางที่ไว้วางใจได้เพื่อให้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง ทั้งนี้ โครงสร้างเว็บไซต์ถือเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ SEO จำเป็นต้องจัดระเบียบหน้าเว็บให้ผู้ใช้งานค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ง่าย ทำให้ธุรกิจดีขึ้นและยังส่งผลให้เว็บไซต์ติดในอันดับต้น ๆ ของ Google ด้วย

มาดูกันว่าเว็บไซต์ที่มีลักษณะรองรับเรื่อง SEO คืออะไร

เว็บไซต์ที่มีลักษณะรองรับเรื่อง SEO คือการจัดลำดับหน้าเว็บเรียงลำดับความสำคัญ หน้าเว็บที่อัดแน่นข้อมูลสำคัญที่สุดและบทความดีที่สุดในเว็บไซต์ทำให้ Google เห็นว่าหน้านั้นสำคัญและมีผลให้เว็บติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา เว็บไซต์ที่ได้รับการวางแผนมาเป็นอย่างดีจะมีโครงสร้างที่ชัดเจนช่วยให้จัดทำดัชนีได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีหน้าเพจหลายระดับมาก เช่น เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ และแคตตาล็อกธุรกิจ ถ้าจัดลำดับอย่างเป็นระเบียบและมีการเชื่อมโยงกันจะช่วยหลีกเลี่ยงเนื้อหาและหน้าเพจที่ซ้ำซ้อน ประโยชน์ที่แท้จริงของเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างที่ดีคือสร้างความประทับใจให้ลูกค้าเป้าหมาย

เว็บไซต์ที่มีลักษณะรองรับเรื่อง SEO คือการวางแผนผังเว็บไซต์แสดงรายการหน้าทั้งหมดเพื่อช่วยจัดระเบียบเนื้อหาในเว็บไซต์ตามลำดับหมวดหมู่และลำดับความสำคัญ สามารถสร้างลิงก์เชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องไปถึงโพสต์และหน้าอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ นอกจากนั้นยังสร้างการเชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องในเว็บภายนอกอื่น ๆ ด้วย การวางแผนผังที่ดีจะแสดงลำดับเมนูให้ผู้ใช้ทราบว่าตอนนี้กำลังอยู่ตรงส่วนใดของเว็บไซต์ จะหาทางค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้อย่างไร รวมถึงวิธีกลับไปที่หน้าแรกด้วย

เว็บไซต์ที่มีลักษณะรองรับเรื่อง SEO คือการคัดเลือกคีย์เวิร์ดหลักและรองมาอย่างดี กระจายคำหลักอย่างเหมาะสมทั่วทั้งหน้าเว็บไซต์เพื่อให้ SEO ทำงานได้ดีขึ้นและผู้ใช้สามารถค้นหาหน้าที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย รวมถึงใส่กลุ่มคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ควรใช้คำที่หลากหลายกระจายกันบนหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างลิงก์ภายในเว็บให้มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือมากขึ้นมาดูกันว่าเว็บไซต์ที่มีลักษณะรองรับเรื่อง SEO คืออะไร

สังเกตได้ว่าเว็บไซต์ที่ค้นหาข้อมูลง่ายจะมีวิธีการจัดหน้าและลำดับชั้นเป็นระเบียบเรียบร้อย เริ่มจากหน้าแรกเป็นหน้าที่จะเชื่อมโยงไปถึงข้อมูลหลักของเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจอย่างชัดเจน ถัดจากหน้าแรกคือส่วนหลักเป็นหน้าที่จะเชื่อมโยงไปถึงสินค้าหรือบริการ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาได้ง่าย ต่อไปคือส่วนย่อยเป็นหน้าที่อธิบายคุณสมบัติของสินค้าและบริการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ในส่วนย่อยจะซับซ้อนและมีหลายระดับ จึงต้องเรียงไปตามลำดับความสำคัญ เพราะข้อมูลที่เพิ่มเติมเข้ามาเรื่อย ๆ จะทำให้เว็บขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นเคล็ดลับในการออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับกลยุทธ์ SEO ช่วยให้เว็บไซต์ทำอันดับได้ดีขึ้น

การเลือกบริษัททำเว็บไซต์ SEO ที่มีคุณภาพ

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการตลาดออนไลน์ที่ช่วยให้เว็บไซต์อันดับดีและมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีความนิยมในการจ้างบริษัทเอกชนทำ SEO เป็นจำนวนมาก บางบริษัทก็ทีมงานมีประสบการณ์สูง แต่บางบริษัทก็โฆษณาเกินความจริง จนทำให้เจ้าของธุรกิจเว็บไซต์ต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายในการทำ SEO โดยที่ได้งานคุณภาพต่ำ

ในบทความนี้ จึงได้รวบรวมวิธีการเลือกตัวเลือกบริษัททำเว็บไซต์ SEO ที่มีคุณภาพมาฝากกัน ดังนี้

1. การการันตีผลในการทำ SEO เนื่องจากระบบ Algorithm ของ Yahoo และ Google มีความซับซ้อน ไม่สามารถมีบริษัททำ SEO ที่ยืนยันได้ 100% ว่าจะทำให้เว็บไซต์มีอันดับที่ 1 ในหน้าต่างการสืบค้นได้ ถ้าบริษัทที่จะจ้างการันตีว่าจะทำให้เป็นอันดับที่ 1 ก็มีแนวโน้มที่จะถูกหลอกลวงหรือได้รับงานที่ไม่ตรงกับความคาดหมาย

2. การทำเว็บไซต์ SEO มีองค์ประกอบอยู่หลายส่วน ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำเว็บไซต์จะสามารถบอกได้ว่าควรทำอะไรก่อนหรือหลัง มีลำดับขั้นตอนชัดเจนที่สามารถบอกผู้ที่จ้างงานได้ ถ้าบริษัทรับจ้างทำ SEO เริ่มต้นจากการทำ Keyword ก็มีแนวโน้มที่จะไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะควรทำส่วนของโครงสร้างเว็บไซต์ (on site Technical audit) ที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่สุด ก่อนจะไปทำส่วนอื่น ๆ เพื่อเป็นการยืนยันว่าระบบการเชื่อมโยงข้อมูลใช้งานได้จริงไม่มีปัญหาที่จะทำให้ธุรกิจออนไลน์หยุดชะงัก

3. การทำ SEO มีสัญญาหรือแพ็คเกจระยะเวลากี่เดือนถึงกี่ปี ถ้ายกเลิกก่อนสัญญา อาจจะต้องมีการเสียค่าปรับระบบได้ เจ้าของเว็บไซต์ที่คิดจะจ้างทำ SEO จึงต้องสอบถามก่อนว่า ถ้างานไม่สำเร็จหรือมีวิธีตรวจสอบคุณภาพงานแบบใดบ้าง เช่น รายงานผลการทำ SEO วิธีการเช็คผลผู้เข้ามาในเว็บไซต์ ฯลฯ หากคุยกันให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น ก็จะป้องกันปัญหาในระยะยาวได้

4. ระบบ Algorithm ของ Search Engine จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในปัจจุบัน มีระบบ PANDA เพื่อหาความซ้ำของบทความ ระบบ PENGUIN เพื่อเช็คคุณภาพของลิ้งค์ ระบบ HUMMINGBIRD เช็คการใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่เหมาะสม ฯลฯ

ดังนั้นการทำ SEO เพื่อให้ได้อันดับที่ดีจาก Search Engine จึงต้องมีการพัฒนาตามไปด้วย บริษัทที่ทำ SEO จึงต้องสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพงาน ให้ไม่มีปัญหาเมื่อนำบทความและสื่อมัลติมีเดียต่าง ๆ ขึ้นบนเว็บไซต์ ทั้งนี้เจ้าของเว็บไซต์ควรทำการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับระบบ AI ด้วย เพื่อทำให้สามารถคุยกันได้เข้าใจยิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่า สิ่งที่กล่าวมาทั้ง 4 ข้อนี้ สำคัญต่อการเลือกบริษัททำเว็บไซต์ SEO เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณา และช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าในระยะยาวได้ด้วย

การเลือกบริษัททำเว็บไซต์ SEO ที่มีคุณภาพ

ค้าขายออนไลน์ต้องรู้ SEO คืออะไร

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยให้ผู้ค้าขายออนไลน์สามารถมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเป็นที่รู้จักกันในกลุ่มลูกค้าจำนวนมากขึ้น

SEO ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็น On- Page SEO และ Off-Page SEO ซึ่งต้องทำควบคู่กันจึงจะทำให้การจัดอันดับของเว็บไซต์ใน Google และ Yahoo ที่วิเคราะห์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ได้ผลดีขึ้น

1. On- Page SEO คือ การใส่เนื้อหาที่มีคุณภาพลงในเว็บไซต์ เช่น บทความที่มีสาระประโยชน์มีความทันสมัยและมีข้อมูลที่ถูกต้อง

ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับเกมและคีย์บอร์ด อุปกรณ์เกมต่าง ๆ ควรให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ลูกค้าในเรื่องเกี่ยวกับเกม คีย์บอร์ด หูฟัง ตามความเป็นจริง ไม่เน้นที่โปรโมชันหรือการขายสินค้าที่ให้กำไรสูงเพียงอย่างเดียว หากมีบทความอัปเดตบ่อย ๆ จะมีคนเข้ามาอ่านเป็นประจำ ทำให้ Traffic เว็บไซต์เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ได้ผลการจัดอันดับจากการสืบค้นที่ดีขึ้นตามไปด้วย

นอกจากในส่วนเนื้อหาแล้ว ส่วนของรูปและโครงสร้างของเว็บไซต์ก็ต้องมีการปรับปรุงให้ใช้งานง่าย มีตัวอักษรที่อ่านง่าย จัดหมวดหมู่ให้สวยงาม เป็นระเบียบ

ทั้งต้องใช้งานง่ายสำหรับระบบคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะและโทรศัพท์มือถือ เพราะผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน นิยมทำผ่านโทรศัพท์มือถือที่พกติดตัวกันเกือบตลอดเวลา ถ้าปรับปรุงเว็บไซต์ SEO ที่ใช้ได้แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็จะทำให้ไม่ได้รับประสิทธิผลเท่าที่ควร

2. ส่วนของ Off-Page SEO คือการเชื่อมโยงลิงก์จากเว็บไซต์ภายนอกเข้ามาสู่เว็บไซต์ของร้านค้า หรือที่เรียกกันว่าการทำ Back Link ที่นิยมก็คือการไปโพสต์ตอบคำถามในเว็บไซต์อื่น ๆ พร้อมกับแนบ Link เพื่อให้ผู้สนใจหรือกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้สินค้าต่าง ๆ ได้อ่านและเข้ามาถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ร้านค้า

ตัวอย่างเช่น มีผู้ต้องการหาซื้อคีย์บอร์ดเพื่อการเล่นเกมแต่ไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไร ถ้ามีผู้ไปตอบเอาไว้ในสังคมออนไลน์ โดยมีหลักการเหตุผลให้คำแนะนำที่น่าสนใจ พร้อมแนะนำรุ่นและแนบลิงก์เว็บไซต์เอาไว้ด้วย ก็จะทำให้มีโอกาสที่จะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นจากการตอบคำถามเหล่านี้ ทำให้ส่งผลดีต่อยอดขายที่จะตามมาด้วย

ผู้ทำกิจการค้าขายออนไลน์จึงควรให้ความสำคัญกับการทำ SEO ที่มีคุณภาพ เพื่อให้เพิ่มความนิยมจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและเพิ่มยอดขายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีโอกาสในการแข่งขันกับคู่แข่งธุรกิจรายอื่นได้มากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามการทำ SEO เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาเพื่อสร้างข้อมูลที่เพียงพอสำหรับให้ระบบของ Search Engine วิเคราะห์ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเจ้าของกิจการเอง จากการเรียนรู้จากหนังสือหรือคอร์สทำ SEO และการจ้างบริษัทเอกชน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเป็นแพ็คเกจรายเดือนหรือรายปี

ค้าขายออนไลน์ต้องรู้ SEO คือ

ทำไม SEO จึงจำเป็นสำหรับร้านค้าออนไลน์

ปัจจุบันเทคโนโลยีช่วยให้การติดต่อสื่อสารและการซื้อขายออนไลน์ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น การประชาสัมพันธ์ร้านค้าผ่านทางโลกออนไลน์จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ วิธีหนึ่งที่เห็นผลดี คือการทำ SEO จะมีความสำคัญและประโยชน์อย่างไร มาติดตามกันเลย

ทำไม SEO จึงจำเป็นสำหรับร้านค้า

ความหมายและส่วนประกอบของ SEO

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการทำให้หน้าร้านออนไลน์ถูกประชาสัมพันธ์ในอันดับที่ดีของ Search Engine เช่น Google , Yahoo ด้วยการทำ 2 ส่วนต่อไปนี้ ให้มีประสิทธิภาพ

1. ส่วน Off-Page SEO เป็นการสร้างลิงค์เชื่อมโยงเว็บไซต์ภายนอกมาสู่เว็บไซต์ของคุณ เช่น การตอบคำถามในเว็บไซต์พันทิปที่มีคนไปตั้งกระทู้ถาม พร้อมกับแปะลิงค์ให้เข้ามาที่เว็บไซต์ออนไลน์ของคุณ

2. ส่วน On Page SEO หมายถึง การใส่บทความที่มีคุณภาพ รวมถึงรูปภาพประกอบต่าง ๆ ที่น่าสนใจในเว็บไซต์ของคุณ ทั้งนี้จะต้องเลือก keyword ที่กลุ่มเป้าหมายพิมพ์หาข้อมูลใน Google search ด้วย

การทำใน 2 ส่วนที่กล่าวมาเป็นประจำ จะทำให้มีข้อมูลของเว็บไซต์คุณมากพอให้ระบบ algorithm ของ search engine วิเคราะห์และประมวลผลเพื่อแสดงแก่ผู้ใช้นั่นเอง

ประโยชน์ของ SEO

การทำ SEO อย่างต่อเนื่องจะทำให้ร้านค้าออนไลน์ได้ประโยชน์มากมาย ดังนี้

1. อันดับจะดียิ่งขึ้นยิ่งในการสืบค้น โดยหากเป็น Top Five Top Ten ก็จะถูกแสดงผลในหน้าแรกของการสืบค้นแน่นอน

2. เพิ่ม Traffic คนเข้าเว็บไซต์ ทำให้คุณมีโอกาสขายสินค้าและบริการได้มากขึ้น เปรียบเช่นเดียวกับการมีคนเดินเข้ามาชมสินค้าในร้าน ก็ย่อมมีโอกาสที่จะได้สินค้าติดไม้ติดมือกลับบ้านไปไม่มากก็น้อย

3. ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเว็บไซต์อย่างการทำ AdWords หรือ Search Engine Marketing (SEM) ที่ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้พื้นที่โฆษณาด้านบนของ Google Yahoo

4. ทำให้เกิดการพัฒนาเว็บไซต์ที่สวยงาม เป็นระเบียบ น่าใช้ยิ่งขึ้น

5. สำหรับร้านค้าหน้าใหม่หรือแบรนด์สินค้าใหม่แต่ถ้าทำ SEO ให้มีคุณภาพก็ย่อมเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ไม่ยาก

6. ทำให้เว็บไซต์ขายสินค้าของคุณมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อสืบค้นด้วย Yahoo และ Google แล้วแสดงผลเป็นอันดับต้น จะทำให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการมากกว่าเว็บไซต์ที่ปรากฏอยู่ในหน้าท้าย

7. โอกาสได้ลูกค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น

8. มีโอกาสขายสินค้าได้ตลอดเวลา เพราะเว็บไซต์ SEO ที่มีคุณภาพจะถูกนำเสนอบนหน้าต่าง search engine อันดับต้น ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

จะเห็นได้ว่าการทำ SEO ให้ประโยชน์แก่ร้านค้าออนไลน์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพิ่มจำนวนผู้เข้าชม ทำให้คุณมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย และที่สำคัญคือทำให้ยอดขายบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้สามารถศึกษาการทำ SEO ได้ด้วยตัวเองและปรึกษาทีมเอกชนที่รับพัฒนาเว็บไซต์ที่คิดค่าใช้จ่ายเหมาะสม

ทำไม SEO จึงจำเป็นสำหรับร้านค้าออนไลน์

จริงหรือไม่ กับคำกล่าวที่ว่า SEO คือ การโฆษณาออนไลน์ฟรี

การทำเว็บไซต์ขายสินค้าและบริการออนไลน์ในยุคปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องหาช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มคนเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการทำ SEO ให้เว็บไซต์สามารถถูกตรวจสอบได้ง่ายจากระบบ algorithm ของ search engine และหากถูกจัดอันดับไว้บนขั้น top 5 ของหน้าต่างเมื่อใด การค้นหาเพื่อเข้าถึงก็ยิ่งง่ายขึ้น

มีการกล่าวว่า SEO เป็นเสมือนหนึ่งวิธีการโฆษณาแบบฟรีของแบรนด์ต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ซึ่งในช่วงสองสามปีหลังนี้เป็นที่นิยมมาก ซึ่งจะมีความจริงอย่างไร เรามาดูกัน

ทำเว็บไซต์ SEO อย่างไร เรียกลูกค้า

การทำ SEO ให้เว็บไซต์ คืออะไร

การปรับโครงสร้างของเว็บไซต์และเนื้อหาให้มีคีย์เวิร์ด SEO ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายในการสืบค้นข้อมูล เช่น ลูกค้าที่ต้องการหาแหล่งที่พัก สำหรับการท่องเที่ยวในไทยใน ปี 2019 หากคุณเป็นเจ้าของรีสอร์ต ก็ต้องทำเว็บไซต์ออนไลน์ที่มีบทความ SEO ที่มีคุณภาพ ทำให้ลูกค้าเห็นข้อดีของการพักที่รีสอร์ทคุณ จะได้รับความสะดวกสบายอย่างไร หรือมีความใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใดบ้าง ก็ต้องกล่าวถึงในบทความด้วย จึงจะดึงดูดใจลูกค้า และคีย์เวิร์ด SEO ของคุณ ก็คือ คำว่ารีสอร์ทจังหวัดxxxนั่นเอง

ข้อเท็จจริงในการทำ SEO มีอะไรบ้าง

การทำ SEO จำเป็นต้องทำต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยเฉพาะธุรกิจหมวดที่มีการแข่งขันกันสูง เช่น โรงแรม อาหารเสริม ร้านจัดช่อดอกไม้ ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่า หากเว็บไซต์ใดไม่มีการอัพเดตข้อมูลใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ และขาดคีย์เวิร์ดที่ผ่านการวิจัย หรือสืบค้นด้วยโปรแกรมมาก่อน ก็ค่อนข้างยากที่จะประสบความสำเร็จ อยู่ในหน้าแรกของผลลัพธ์การสืบค้นของ google yahoo ซึ่งเป็น search engine ที่เป็นแนวหน้าชั้นนำของโลกในทุกวันนี้

การทำ SEO โดยเจ้าของเว็บไซต์เป็นผู้ทำเองทั้งหมด เรามักไม่พบเห็นกันบ่อย ๆ เพราะมีรายละเอียดที่ต้องลงลึก และใช้เวลาค่อนข้างมาก จึงมีบริษัทที่ช่วยรับหน้าที่นี้ โดยต้องจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน หรือรายปี เพื่อความต่อเนื่องในการปรับรูปแบบและเนื้อหา โดยบริษัทเหล่านี้จะมีการทำ report ส่งแก่เจ้าของเว็บไซต์ว่ามีผลการจัดอันดับ ผลการเข้าชมหรือที่เรียกว่า traffic เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างในแต่ละวัน

ทำเว็บไซต์ SEO เรียกลูกค้าดี

การทำ SEO จึงเป็นการทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับดี ๆ ในการสืบค้น โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาแก่ google yahoo ต่างจากการทำโฆษณาแบบ AdWords ที่เจ้าของเว็บไซต์ ต้องจ่ายแก่ search engine ต่อการคลิกแต่ละครั้ง ซึ่งอย่างหลังนี้เรียกว่าเป็นการเสียค่าใช้จ่ายในการโปรโมตที่เป็นรูปธรรม แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า SEO จำเป็นต้องจ้างผู้มีความชำนาญในการทำอย่างต่อเนื่องด้วย คำกล่าวว่า SEO เป็นการโฆษณาฟรีจึงขึ้นกับมุมมองและการตีความของแต่ละคน

การสร้างบทความ SEO ที่ดี สำหรับปี 2019

การทำบทความ SEO ให้มีคุณภาพสำหรับการส่งเสริมธุรกิจและเพิ่มยอดขายเป็นสิ่งสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ในปัจจุบัน การเขียนบทความที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ปราศจากการคัดลอกมีผลต่อการจัดอันดับความนิยมในเว็บไซต์เพื่อการสืบค้น โดยระบบอัลกอริทึ่มของ search engine จะเป็นผู้ประมวลผลนี้

ในปี 2019 บทความ SEO ที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง จึงจะส่งเสริมธุรกิจออนไลน์ท่ามกลางกระแสการแข่งขันที่สูงเช่นในปัจจุบัน เรามาหาคำตอบไปพร้อมกันเลย

การสร้างบทความ SEO ที่ดี

การเชื่อมโยงบทนำเข้าสู่เนื้อหาใหญ่

บทความที่ชวนอ่านต้องมีการเชื่อมโยงประเด็นจากสิ่งใกล้ตัวให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญ เป็นการเปิดใจ หรือเปิดโลกทัศน์ของผู้อ่านให้พร้อมสูงเนื้อหาสำคัญต่อไป ในขั้นตอนของบทนำก็ต้องมีการใส่คีย์เวิร์ด SEO ด้วยเพื่อให้สามารถถูกตรวจจับได้จากระบบการสืบค้น

การใส่คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในบทความ SEO

ระบบการสืบค้นจะให้อันดับที่ดีแก่บทความที่มีคีย์เวิร์ด SEO ที่สอดคล้องและกลมกลืนกับเนื้อหา ทั้งยังต้องมีการกระจายคีย์เวิร์ดในตำแหน่งต่าง ๆ สม่ำเสมอ ไม่ควรใช้คำเดิมซ้ำบ่อย ๆ จนเกินไป เพราะจะทำให้ระบบ search engine ตีความว่าเป็นบทความขยะ หรือ spam

ก่อนจบบทความ ต้องมีวลีน่าสนใจทิ้งท้ายและชวนให้ติดตามต่อ

แม้ในส่วนของเนื้อหาจะมีความน่าดึงดูดใจและอ่านเพลินแล้ว แต่การเพิ่มความประทับใจแบบสวยงามด้วยการให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเห็นว่าเหตุใดจึงควรติดตามการเคลื่อนไหวในวงการสินค้าและบริการนั้น เช่น วงการมือถือและสินค้าไอที เครื่องเล่นเกมส์รุ่นใหม่ ๆ ฯลฯ จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ทันสมัย เพิ่มความสัมพันธ์อันดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้าซึ่งจะทำให้มีโอกาสสูงที่ลูกค้ากลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ และเป็นผู้สนับสนุนซื้อสินค้าและบริการในระยะยาว

การมีภาพที่น่าสนใจจะช่วยให้บทความน่าอ่าน

ต้องยอมรับว่ารูปภาพและคลิป VDO เป็นสิ่งที่ชวนให้ผู้อ่านติดตามและจดจำเว็บไซต์ผู้เป็นแหล่งข้อมูลนั้นดีขึ้น เนื่องจากไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญในธุรกิจออนไลน์นิยมใช้เวลาครั้งละสั้น ๆ แต่มีความถี่สูงในการชมข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ปรากฏจากการใส่คีย์เวิร์ดสืบค้น ใน yahoo google Bing

ดังนั้นบทความ SEO ในปี 2019 จึงควรมีภาพและคลิปประกอบที่สัมพันธ์กันและส่งเสริมความเข้าใจในเนื้อหาบทความยิ่งขึ้น เช่น ภาพการทำงานของปุ่มคีย์บอร์ดชนิดต่าง ๆ สำหรับให้ลูกค้าเปรียบเทียบคุณสมบัติที่แตกต่างของคีย์บอร์ดแต่ละรุ่น สำหรับเว็บไซต์ขายคีย์บอร์ด ภาพกลไกการออกฤทธิ์ของยาและภาวะโรคสำหรับเว็บไซต์เกี่ยวกับสินค้าสุขภาพ เป็นต้น

การสร้างบทความ SEO สำหรับปี 2019

จะเห็นได้ว่า การทำบทความ SEO ที่ดีมีประโยชน์ต่อทั้งธุรกิจและลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย การเพิ่มรูปภาพและคลิปที่เหมาะสมเป็นการสร้างคุณค่าให้แก่ตัวงานเขียนให้มีความโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์หรือ unique ยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ในปี 2019 ประสงค์จะได้เห็นจากเว็บไซต์ออนไลน์นั่นเอง

4 เรื่องต้องรู้ของ SEO และ SEM

ปัจจุบันมีหลายบริษัทรับจ้างทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจขายสินค้าและบริการทางหน้าเว็บไซต์ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่ในการเลือกระหว่าง SEO และ SEM และนี่คือ 4 เรื่องที่ควรทราบเพื่อการวิเคราะห์เลือกการประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจคุณ

เรื่องต้องรู้ของ SEO และ SEM

1. SEO ต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์จากยอดขายหรืออันดับสืบค้นที่สูงขึ้นเป็น top five หรือ top ten เนื่องจากระบบอัลกอริทึ่มของ search engine อย่างกูเกิ้ล ยาฮู บิง ต้องประมวลผลจากดาต้าที่สะสมในฐานข้อมูล แตกต่างจาก SEM ที่สามารถขึ้นอันดับสูง 1-3 ได้ทันทีหลังการจ้างทำโฆษณา

2. การทำ SEO ไม่สามารถการันตีได้ว่าผลลัพธ์ด้านรายได้จะเห็นผลคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนจ้างบริษัทเอกชนทำ SEO เนื่องจากต้องใช้เวลาและต้องแข่งกับเจ้าของสินค้าและผลิตภัณฑ์คู่แข่งอื่นที่ทำทั้ง SEO และ SEM ส่วนการจ้างทำ SEM จะสามารถคาดได้ง่ายกว่าว่าลงทุนจ้างทำ SEM วันนี้กี่บาท จะมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กี่คนต่อชั่วโมงและจะมีการตอบกลับเชิงบวกหรือเกิดการซื้อสินค้าและบริการเป็นยอดรายได้และกำไรคิดเป็นกี่เท่าจากการลงทุนจ้างทำ SEM

3. คนส่วนใหญ่ชอบดูการโฆษณาที่มีเนื้อหาใกล้ชิดหรือสอดคล้องกับวิถีชีวิตของตัวเอง ซึ่งเป็นแนวทางในการทำ SEM ให้ประสบความสำเร็จ ดังนั้นการจ้างบริษัทเอกชนที่มีประสบการณ์ด้านงานโฆษณาและมีไอเดียแปลกใหม่ในการทำ SEM ก็มักจะได้ผลสำเร็จที่ดี เป็นที่เตะตากลุ่มคนทั่วไป รวมถึงกลุ่มคนเป้าหมายให้เข้ามาซื้อสินค้าและบริการได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็ต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการลงทุนเป็นเม็ดเงินด้วย ขณะที่การทำ SEO สามารถเรียนรู้และทำได้ด้วยตัวเองไปเรื่อย ๆ หรือหากต้องการกูรูมืออาชีพก็สามารถจ้างทำ SEO ในระยะแรก แล้วศึกษาด้วยตัวเองควบคู่กันไป เพื่อในระยะยาวเจ้าของเว็บไซต์จะได้ดูแลด้วยตัวเองและปรับแต่งส่วนต่าง ๆ แก้จุดอ่อนเสริมจุดแข็งเองได้

4. การทำ SEO และ SEM ต่างต้องมีคีย์เวิร์ดที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาข้อมูลผ่าน search engine แต่สิ่งที่ต่างกันคือ SEM มักมีการวิจัยตลาดที่เข้มข้นกว่าเพื่อจับประเด็นมาทำโฆษณาที่ตรงใจ แต่หากการวิจัยคีย์เวิร์ดพบว่าคำสืบค้นมีการเปลี่ยนความนิยมไปจากเดิม ตามเทรนด์หรือกระแสแฟชั่น งาน SEM ก็มีความยืดหยุ่นและรวดเร็วในการปรับเปลี่ยนคีย์เวิร์ดในการโฆษณาสูงกว่า SEO และจะเห็นผลลัพธ์ที่ตามมาจากการเปลี่ยนคีย์เวิร์ดเร็วกว่า SEO

ต้องรู้ของ SEO และ SEM

หวังว่าทั้ง 4 ข้อข้างต้นที่นำเสนอไป จะเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์และเลือกจ้างบริษัทที่มีประสบการณ์ในการทำ SEO และ SEM เพื่อให้ธุรกิจคุณเติบโตได้อย่างงดงามในโลกออนไลน์ต่อไป

ทำไมจึงกล่าวว่า SEO เป็นหัวใจของธุรกิจออนไลน์

ทำไมจึงกล่าวว่า SEO เป็นหัวใจของธุรกิจออนไลน์

SEO หรือ search engine optimization เป็นสิ่งที่เปรียบได้กับหัวใจของการทำเว็บไซต์ในวงการธุรกิจออนไลน์เลยทีเดียว เนื่องจากเป็นตัวแปรสำคัญที่ใช้ในการค้นหาด้วย search engine ชื่อดังต่าง ๆ ไม่ว่า google yahoo ที่คนทั่วโลกนิยมใช้ในการสืบค้นข้อมูลทุกประเภทในโลกอินเตอร์เน็ต การทำ SEO จึงต้องใส่ใจทั้งส่วนเนื้อหา หรือ content ในเว็บไซต์และส่วนงานโครงสร้าง หรือ site structure รวมถึงการเชื่อมต่อหรือ backlink อย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คุ้มค่ากับการลงทุนด้านเงินและเวลาในการทำ SEO

สำหรับข้อดีหรือคุณประโยชน์ของการทำ SEO ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้คือ จะทำให้การนำเสนอเว็บไซต์ของสินค้าและบริการมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเป้าหมายที่กำลังต้องการซื้อ หรือมองหาสิ่งที่ตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาในขณะนั้น ๆ ได้อย่างตรงจุด เนื่องจากการทำ SEO จะมีการระบุคีย์เวิร์ดที่ตรงกับลักษณะสินค้าและบริการมากที่สุด จึงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการฝากประกาศหรือโฆษณาที่มีความจำเพาะต่อกลุ่มเป้าหมายน้อยกว่า ซึ่งต้องยอมรับว่าการแข่งขันทางธุรกิจในภาวะเศรษฐกิจอย่างปัจจุบัน จำเป็นต้องช่วงชิงจังหวะ หรือภาษาง่าย ๆ คือ ใครที่เข้าถึงลูกค้าได้ก่อนย่อมได้เปรียบ การทำ SEO จึงช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้

SEO หัวใจของธุรกิจออนไลน์

สำหรับค่าใช้จ่ายในการทำ SEO โดยทั่วไปจะอยู่ที่หลักพันบาทต่อเดือน โดยควรพิจารณาเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ ด้วยการขอดูผลงานเก่า ๆ หรือรายงานความพึงพอใจที่ผ่านมาของลูกค้าบริษัทก่อนที่จะทำสัญญาว่าจ้างทำ SEO เนื่องจากงานการปรับปรุงเว็บไซต์ให้เข้าสู่ระบบการสืบค้นสากล ที่มีประสิทธิภาพในการขึ้นเป็นอันดับท็อปไฟฟ์หรือท็อปเท็น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จำเป็นต้องมีทีมที่เชี่ยวชาญด้าน SEO ทั้งส่วน on-page และ off-page ในการดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบวิเคราะห์ของ search engine ดังนั้นจะเห็นได้ว่าคอร์สรับทำ SEO มักจะมีระยะเวลาในสัญญาระบุไว้เป็นช่วงยาวหลายเดือนหรือเป็นสัญญาปีต่อปี เพื่อให้ได้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด

ระยะเวลารอคอยให้เห็นผลลัพธ์จากการทำ SEO ยังต้องขึ้นกับประเภทธุรกิจด้วย กล่าวคือ หากเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูงในภาคเอกชน เช่น การขายทัวร์ท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ การขายคอร์สดูแลความงามของคลีนิคผิวพรรณ ฯลฯ มักจะมีการจ้างงานบริษัททำ SEO ที่มีความเป็นมืออาชีพอันดับต้น ๆ ของวงการสื่อออนไลน์ จึงทำให้การแข่งขันด้วยการสร้าง content ใหม่ ๆ และการอัพเดตดาต้าในเว็บไซต์ของบริษัทคู่แข่งอื่น ๆ จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการนำเข้าสู่ระบบ algorithm หรือระบบวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเทคนิคของ search engine นั่นเอง

SEO จึงเปรียบได้กับอวัยวะสำคัญ อย่างหัวใจ ที่ส่งผลต่อการเติบโตของยอดขายและกำไรของธุรกิจ และยังช่วยให้การกำหนดทิศทางพัฒนาหรือแก้ไขจุดบกพร่องของธุรกิจมีความเด่นชัดยิ่งขึ้นด้วย

SEO เป็นหัวใจของธุรกิจออนไลน์

โปรโมทเว็บด้วยการทำ SEO และ SEM

ทุกวันนี้ผู้ประกอบธุรกิจสนใจทำเว็บไซต์กันมาก แต่เว็บไซต์ของกลุ่มสตาร์ทอัพยังคงเงียบเหงา อยากจะซื้อโฆษณาก็ติดขัดเรื่องต้นทุนสูงเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ เห็นใครๆ คุยกันเรื่องการทำSEOเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาในหน้าแรกๆ ของกูเกิ้ล พอเข้ามาศึกษาหาความรู้แล้วสะดุดกับคำว่า SEM เข้าอีก เริ่มสับสนว่าอะไรเป็นอะไร ต้องการคำแนะนำที่เข้าใจง่ายๆ ว่ามีวิธีอะไรที่นักธุรกิจมือใหม่ควรทำเพื่อช่วยโปรโมทเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มยอดขายเพื่อขยายฐานลูกค้าให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ

การโปรโมทในลักษณะการทำSEO จะเป็นการไต่ลำดับในกูเกิ้ลแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากดึงดูดผู้ชมเข้ามาจำนวนมากขึ้น รอเวลาให้ผู้บริโภคพิจารณาและตัดสินใจเลือกซื้อ ยิ่งมีคนเข้ามาเห็นมากเท่าไร ยิ่งมีโอกาสเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น ในส่วนของวิธีการนั้น มาเริ่มทำความรู้จักSEOกันก่อน ย่อมาจากคำว่า “Search Engine Optimization” หมายถึงวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาในเสิร์จเอนจิ้น ในทีนี้จะใช้ Google เป็นหลักเพราะถือเป็นแหล่งค้นหายอดนิยมทั่วโลก แต่ความจริงยังมีเสิร์จเอนจิ้นจำนวนมากที่ใช้ค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ อย่างเช่น Yahoo, Bing, Ask เป็นเสิร์จเอนจิ้นที่ใช้กันแพร่หลายในสหรัฐ Baidu ของจีน Yandex ของรัสเซียหรือ Nave ของเกาหลี เหตุผลที่อ้างอิงกูเกิ้ลเพราะในบ้านเราใช้กันเป็นตัวหลักในการค้นหา

หัวใจสำคัญของ คีย์เวิร์ด

หัวใจสำคัญคือการใช้คีย์เวิร์ด ซึ่งเป็นคำค้นหาของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ในกรณีที่ร้านเราขายคอมพิวเตอร์ เมื่อมีคนค้นหาคำว่า “คอมพิวเตอร์” จะพบเว็บไซต์ของร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เต็มไปหมด เราจะต้องเพิ่มคีย์เวิร์ดให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น เช่น “คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ” “คอมพิวเตอร์ มือสอง” “คอมพิวเตอร์ ราคาถูก” จะทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับสูงตรงกับคำค้นหาของลูกค้า คำคีย์เวิร์ดเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ในคอนเทนต์หรือบทความที่เราเขียนลงในเว็บไซต์ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ ทำให้รู้สึกว่าน่าอ่านและเรียกคนเข้ามาติดตามอย่างต่อเนื่อง สรุปคร่าวๆ ว่า SEO เป็นช่องทางเรียกลูกค้าเข้าร้านแบบสร้างกระแส โดยหากอยากให้ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจ ตัวสินค้าเองจะต้องมีคุณภาพดีจึงจะจูงใจให้กลับเข้ามาซ้ำอีก

SEO มากกว่าที่คุณคิด

มาถึง SEM มาจากคำว่า “Search Engine Marketing” เป็นการจ่ายค่าโฆษณาโดยคำนวณจากจำนวนคนที่คลิกเข้ามาในเว็บไซต์ โดยค่าโฆษณาขึ้นอยู่กับ คีย์เวิร์ด ถ้าหากเป็นคำที่ใช้กันทั่วไปอย่าง “คอมพิวเตอร์” ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าคำว่า “คอมพิวเตอร์ มือสอง” เพราะการแสดงผลจากจำกัดวงแคบเข้า ทำให้ได้ลูกค้าตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด การทำ SEM มีค่าใช้จ่ายเป็นรายคลิก ส่วนการทำ SEO ถ้าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่จ้างทีมงานเข้ามาทำการตลาดเพื่อเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ เปรียบเทียบเรื่องที่ต้องจ่ายเงินทั้งคู่แล้ว การทำ SEM จะคุ้มค่ากว่าเพราะมีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมาย หรือถ้าเป็นไปได้ ทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไป จะช่วยเพิ่มทั้งยอดผู้ใช้เว็บไซต์และโอกาสในการขายสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น

เผยบทความ… มัดใจ Google ให้อยู่หมัด

เผยบทความ... มัดใจ Google ให้อยู่หมัด

แน่นอนว่าสำหรับการทำเว็บไซด์ และ SEO บทความคือตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ เพราะในบทความจะมีเนื้อหาที่ทำให้คนรู้จักและเข้าใจเรื่องราวของเว็บนั้นๆ และมีคีย์เวิร์ดในการดัน SEO หรือมันคือคำที่จะทำให้คนค้นหาแล้วมาเจอเว็บเรานั่นเอง แล้วบทความแบบไหนล่ะที่ Google ชอบ

คุณภาพชั้นดีและ Google ชอบมาก

1.เนื้อหาบทความไม่ซ้ำกับเว็บใหม่คือ สดๆ ซิงๆ ไม่รีปรินท์ ไม่สปิน ไม่มีคำซ้ำกับเว็บอื่นๆ (ยกเว้นคำเฉพาะทาง ) คำในที่นี่คือรูปประโยค สำนวน ที่ไม่ควรมีซ้ำกับเว็บอื่นๆ แม้ว่ามันจะยากแต่หากทำได้บทความนั้นจะเป็นบทความคุณภาพชั้นดีและ Google ชอบมาก

2.คีย์เวิร์ดสำหรับการทำ SEO แน่นอนว่าคนทำเขาต้องวิเคราะห์คีย์เวิร์ดออกมาแล้วว่าควรใช้คีย์หลักและรองคำไหนบ้าง และจะแทรกเข้าบทความแบบไหนในดูเนียนๆ ไม่สะดุดแม้ว่าคำๆนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับเว็บนั้นๆก็ตาม เพราะบทความไม่จำเป็นต้องตรงกับเว็บไซด์อาจมีการทำบทความคนละแนวสอดแทรกเข้าไปเพื่อให้มีคีย์อื่นๆมาช่วยดันเว็บได้ แน่นอนว่ามันยากและท้าทาย

3.การจัดหน้าบทความในเว็บไซด์ ถือเป็นอีกสิ่งเพราะหากมีบทความคุณภาพ มีคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดหน้าของเว็บไซด์นั้นๆในการลงบทความจะต้องมีการทำ On page ให้กับเว็บไซด์ การปรับขนาดอักษร การให้ความสำคัญของย่อหน้า หัวเรื่อง การทำให้คีย์เวิร์ดกลายเป็นลิงค์ การทำให้คีย์เวิร์ดค้นหาได้ง่ายเมื่อ Bot วิ่งหรือมีการค้นหา สิ่งเหล่านี้สำคัญมากพอๆกับการเขียนบทความและไม่ควรละเลยหากต้องการทำ SEO ให้ติดอันดับที่ดี

4.การไม่ใช้บทความสปิน หลายๆคนเลือกใช้การสปินบทความเพื่อความรวดเร็วเพราะบางเว็บนั้นมีเว็บลูกหลายเว็บการซื้อบทความหรือจ้างทำบทความหลายคนมองว่าสิ้นเปลืองสู้จ้างเป็นชุดแล้วทำสปินปรับคำใหม่มันประหยัดกว่า แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่สดไม่ใหม่และคนอ่านไม่รู้เรื่องแม้ว่าความต้องการคือจะให้ Bot วิ่งเข้ามาอ่านและเก็บข้อมูลก็ตามแต่มันก็ไม่ช่วยหัอันดับดีขึ้น

มัดใจ Google ให้อยู่หมัด

ที่กล่าวมาทั้งหมดหากนำไปปรับใช้รับรองว่าบทความที่ ทำลงเว็บไซด์ นั้นจะมีผลดีและตรงตามความต้องการของ Google และทำให้เว็บไซด์กลายเป็นเว็บคุณภาพ และอย่าลืมความถี่ห่างและเวลาในการอัพเดทบทความลงเว็บและการโปรโมทเพื่อให้ยอดคลิ๊กเข้ามาที่เว็บด้วยหากทำได้รับรองว่าการทำ SEO ให้เว็บไซด์จะประสบผลที่ดีแม้จะไม่อยู่หน้าแรกแต่หากปรับส่วนอื่นก็สามารถทำให้คนค้นหาแล้วเจอเว็บเราได้ง่ายๆเหมือนกัน

บทความแบบไหนล่ะที่ Google ชอบ